คอลัมน์ Look Around
สมัยนี้ การลงทุนทำได้ง่ายเพียงแค่ปลายนิ้ว เพราะมีนวัตกรรม และเทคโนโลยีใหม่ ๆ ออกมาให้บริการนักลงทุนมากมาย
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
อย่างแอปพลิเคชั่น “Odini” (โอดีนี่) ที่ทางบริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน (บลน.) โรโบเวลธ์ เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเร็ว ๆนี้
ซึ่ง “ชลเดช เขมะรัตนา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลน.โรโบเวลธ์ นำเสนอว่า เป็นการลงทุนในกองทุนรวมแบบอัตโนมัติด้วย “Robo-Advisor” เพื่อให้คนไทยทุกคนเข้าถึงการลงทุนได้ “ง่าย” ภายใต้แนวคิด “ลงทุนง่าย ได้ทุกคน” ซึ่งสามารถเริ่มต้นลงทุนด้วยเงินเพียง 1,000 บาทเท่านั้น
โดยการลงทุนผ่าน “Odini” ทำได้ง่าย ๆ ด้วยการดาวน์โหลดแอป ซึ่งยังสามารถเปิดบัญชีได้อย่างสมบูรณ์ผ่านโทรศัพท์มือถืออีกด้วย
จากนั้นผู้ลงทุนสามารถลงทะเบียนเข้าใช้งาน ซึ่งระบบจะลงทุนให้แบบอัตโนมัติตามเงื่อนไขที่ผู้ลงทุนเลือก โดยผู้ลงทุนต้องเลือกพอร์ตที่ต้องการ พร้อมทั้งกำหนดเงื่อนไขต่าง ๆ เช่น ผลตอบแทนที่ต้องการ หรือระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ตั้งแต่ 4-12% จากนั้น Robo-Advisor จะทำหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูลการลงทุนที่ลูกค้าเลือกและจัดสัดส่วนการลงทุนให้โดยอัตโนมัติ อีกทั้งยังติดตามผลและปรับพอร์ตการลงทุนให้สมดุลอยู่สม่ำเสมอ
สำหรับปัจจุบัน “Odini” มีกองทุนของ 6 บลจ.ให้เลือกลงทุน ได้แก่ บลจ.กสิกรไทย, บลจ.ทหารไทย, บลจ.กรุงศรีฯ, บลจ.ไทยพาณิชย์, บลจ.วรรณ และ บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ รวมถึงกำลังเจรจากับ บลจ.บัวหลวง ให้เข้ามาร่วมอีกด้วย
ทั้งนี้หลังเลือกการลงทุนแล้ว ผู้ลงทุนยังสามารถเลือกผูกบัญชี/ชำระเงินผ่าน mobile banking ซึ่งระยะแรกจะมี “K Plus” ของธนาคารกสิกรไทยที่ใช้บริการได้ก่อน แต่อีก 3-4 เดือนข้างหน้าจะมีแบงก์เข้าร่วมอีก 3-4 ราย
นอกจากนี้ ผู้ลงทุนยังสามารถตั้งเงื่อนไขลงทุนรายเดือนอัตโนมัติ Dollar Cost Averaging (DCA) เพื่อเพิ่มวินัยการลงทุนตามแผนที่กำหนดไว้ได้อีกด้วย
สำหรับปัจจุบันตลาดทุนไทยมีการเปิดบัญชีอยู่ราว 2.2 ล้านบัญชี เพื่อใช้เทรดหุ้นและกองทุนรวม โดยประมาณ 80% หรือราว 2 ล้านบัญชี เปิดซื้อขายกันผ่านอินเทอร์เน็ต
งานนี้ บลน.โรโบเวลธ์ ตั้งเป้าหมายภายใน 3 ปี จะมีลูกค้าเข้าสู่ระบบไม่ต่ำกว่า 2 แสนราย โดยจะมีการขยายฐานลูกค้าผ่านความร่วมมือกับ “AIS” ที่มีฐานลูกค้าอยู่กว่า 40 ล้านรายด้วย
ตัวช่วยดี ๆ แบบนี้ น่าจะหนุนให้มีนักลงทุนหน้าใหม่เกิดขึ้นอีกไม่น้อย