หุ้นไทยปิดเช้าลบ 47.73 จุด เอฟเฟ็กต์มาตรการภาษี “ทรัมป์” ป่วนโลก

หุ้นไทย

ดัชนีหุ้นไทยปิดตลาดภาคเช้าอยู่ที่ 1,077.48 จุด ลดลง 47.73 จุด หรือลดลง 4.24% มูลค่าซื้อขาย 39,760.21 ล้านบาท แรงกดดันหลักเป็นไปตามภาวะตลาดหุ้นทั่วโลกที่ช่วงนี้ผันผวนหนักจากความกังวลสงครามการค้า

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ปิดภาคเช้าวันนี้ (8 เม.ย. 2568) พบว่าดัชนี SET ปิดที่บริเวณ 1,077.48 จุด ปรับตัวลดลง 47.73 จุด หรือติดลบ 4.24% เมื่อเทียบจากดัชนีวันก่อนหน้า มีมูลค่าการซื้อขายรวม 39,730 ล้านบาท แรงกดดันหลักเป็นไปตามภาวะตลาดหุ้นทั่วโลกที่ช่วงนี้ผันผวนหนักจากความกังวลสงครามการค้า (Trade War 2.0) โดยดัชนี SET ลงไปทำจุดต่ำสุดของวัน (LOW) ที่บริเวณ 1,056.41 จุด ปรับตัวลดลง 68.80 จุด หรือติดลบ 6.11%

โดย 10 อันดับหุ้นที่มีการมูลค่าการซื้อขายสูงสุดช่วงเช้าวันนี้ ประกอบด้วย

  • GULF มูลค่า 3,139 ล้านบาท ราคาหุ้น -10%
  • KBANK มูลค่า 2,984 ล้านบาท ราคาหุ้น -6.58%
  • SCB มูลค่า 2,352 ล้านบาท ราคาหุ้น -4.90%
  • KTB มูลค่า 1,715 ล้านบาท ราคาหุ้น -7.49%
  • PTT มูลค่า 1,715 ล้านบาท ราคาหุ้น -3.97%
  • ADVANC มูลค่า 1,567 ล้านบาท ราคาหุ้น -0.37%
  • BBL มูลค่า 1,516 ล้านบาท ราคาหุ้น -5%
  • CPALL มูลค่า 1,478 ล้านบาท ราคาหุ้น -3.52%
  • AOT มูลค่า 1,333 ล้านบาท ราคาหุ้น -4.03%
  • PTTEP มูลค่า 1,225 ล้านบาท ราคาหุ้น -7.08%

บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด รายงานว่า ประเมินผลกระทบจากภาษีตอบโต้ต่อ Downside SET Index ความไม่แน่นอนต่อเศรษฐกิจเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ความผันผวนของตลาดระยะข้างหน้ายังคงอยู่ในระดับสูงและแนวโน้มจะเอียงไปทางด้าน Downside โดยเฉพาะในช่วงที่มีการตอบโต้เพิ่มเติม

อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมินผลกระทบต่อ GDP ปี 2025 ที่อาจชะลอตัวลงเหลือ 1.4% จะกดดัน EPS ของ SET ลดลง 8.8% หรือ 86 บาทและ Downside ของ SET จะอยู่ที่ 1,032 จุด เชื่อว่ากลุ่มที่มีรายได้ภายในประเทศเป็นหลักจะสามารถต้านทานความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ดีกว่า โดยเฉพาะหากมีความสามารถในการกำหนดราคาและส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ นอกจากนั้น หุ้นที่น่าจะได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันลง และการปรับลดดอกเบี้ยลง จะได้ประโยชน์เช่นกัน หุ้นเด่น Theme เหล่านี้ ได้แก่ BCH CPALL CPAXT GULF MTC OR และ TRUE

ระยะสั้นแนะนำหลีกเลี่ยงกลุ่มที่ได้รับผลกระทบทางตรงจากการส่งออกไปสหรัฐ ได้แก่ กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ ยาง สินค้าเกษตร และเครื่องประดับ และกลุ่มที่ได้รับผลกระทบทางอ้อม ได้แก่ กลุ่มนิคมฯ ท่องเที่ยว และธนาคาร

ADVERTISMENT

 

ADVERTISMENT