
“กอบศักดิ์” มองสหรัฐขึ้นภาษี 36% จุดเริ่มต้น After Shock ระบบเศรษฐกิจและการค้าโลก ไทยเตรียม 5 ทางรอดทางออก เร่งเจรจาก่อน 70 ประเทศที่เข้าคิวรอ หวั่นช้ายิ่งเสียโอกาส ชี้รักษาโมเมนตัมเศรษฐกิจหลังเผชิญลมต้าน คาดจีดีพีไทยปี’68 จ่อต่ำกว่า 2.5% รับแรงกระแทกภาษี-แผ่นดินไหว มองมาตรการ Short Sell ช่วยได้ชั่วคราว ต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่น-ปัจจัยพื้นฐาน
ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวในรายการ “Bnomics by Bangkok Bank” ภายใต้หัวข้อ “After Shock Reciprocal Tariffs” ว่า ภายหลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้า (Reciprocal Tariffs) ตั้งแต่วันที่ 2 เมษายนเป็นต้นมา จะเห็นว่าตลาดมีความผันผวนรุนแรงต่อนื่อง โดยจะเห็นดัชนีและสินทรัพย์ต่าง ๆ ปรับลดลง เช่น ดาวโจนส์ ร่วง 1,500 จุด หรือ Nikkei และ TWSE ของไต้หวัน ต้องปิดการซื้อขายชั่วคราว และหากตลาดหุ้นไทยไม่ปิด เชื่อว่าอาจจะต้องปิดการซื้อขายชั่วคราวเช่นกัน ซึ่งมองว่า After Shock ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นระบบเศรษฐกิจและการค้าโลก
ทั้งนี้ ทางออกและทางรอดของไทย หลังจากถูกขึ้นภาษีสินค้านำเข้าในอัตรา 36% โดยสิ่งที่ไทยต้องเตรียมการ 5 ด้าน ได้แก่ 1.เริ่มเจรจา เนื่องจากเศรษฐกิจเผชิญลมต้าน (Head Wind) ค่อนข้างเยอะ หากเจรจาช้า ไทยจะสูญเสียโอกาส เพราะปัจจุบันมี 70 ประเทศที่รอเจรจาอยู่ 2.ต้องรักษาโมเมนตัมของเศรษฐกิจให้ได้อย่างไร เพราะหากไม่สามารถส่งออกไปสหรัฐได้ จะสามารถส่งออกไปที่ไหนได้ เช่น อินเดีย เป็นต้น
3.การรับมือกับสินค้าจีนที่จะเข้ามาอย่างไร หากสินค้าจีนไม่สามารถส่งออกไปสหรัฐได้ 4.มหากาพย์เรื่องกำแพงภาษียังไม่จบง่ายแน่นอน ดังนั้น ไทยจะต้องพยายามลดสัดส่วนการส่งออกไปสหรัฐ จากปัจจุบันมีสัดส่วนประมาณ 18% อาจจะตั้งเป้าลดลงมาเหลือ 10% และกระจายไปตลาดอื่น ๆ เป็นต้น 5.วางตำแหน่งตัวเองสำหรับความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) เพราะจะต้องให้ไทยเลือกข้าง
“เราต้องเรียนรู้ เราไม่ได้อยู่ในฐานะจำยอม เพราะภาษี 36% มันเยอะเกินไป และเราก็ไม่สามารถตอบโต้ได้ เพราะไทยเป็นประเทศเล็กเกินไป ดังนั้น เราต้องเจรจา เพราะตอนนี้มี 70 ประเทศรอกำลังเจรจาอยู่ หากเราเจรจาช้า หากจะเสียโอกาส เช่น เวียดนามที่เจรจา หากภาษีเขาลดลงมาเหลือ 0-10% เขาจะได้เปรียบเราทันที และในระยะกลางและยาว เราจะต้องไม่พึ่งพาเขา เพราะเราจะเป็นเบี้ยเขา เราต้องไปตลาดอื่นหรือค้าขายกับคนอื่น”
สำหรับผลกระทบจะผ่าน 5 ช่องทางหลักด้วยกัน ได้แก่ 1.การค้าเริ่มจะเห็นการชะลอการสั่งสินค้าแล้ว หรือสั่งไปก่อนหน้าที่จะมีการประกาศขึ้นภาษี 2.นักท่องเที่ยว อาจจะต้องรอติดตามภาวะเศรษฐกิจ หากเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย (Recession) หรือค่าเงินมีความผันผวนอาจจะกระทบภาคท่องเที่ยวได้เช่นกัน 3.เงินทุนไหลออกเมื่อเกิดความผันผวน หรือสหรัฐและจีนมีการพูดหรือประกาศอะไรออกมา ซึ่งมีสัญญาณไหลออกให้เห็นแล้ว 4.ความผันผวนของสินทรัพย์ต่าง ๆ และ 5.ความเชื่อมั่นที่หายไปเยอะพอสมควร
ดังนั้น ปัจจัยภายนอกสิ่งที่กังวลและน่าห่วง คือ สหรัฐและจีนทะเลาะกันเกิดขึ้น จะเป็นประเด็นความขัดแย้งที่น่ากังวลใจ และอาจขยายมิติและลุกลามไปจุดอื่นได้ เช่น สงครามทางการทหาร เป็นต้น และปัจจัยภายในประเทศ จะเห็นว่าไทยยังมีความเปราะบาง ทั้งเรื่องหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ภายใต้โลกที่ปั่นป่วนจะเป็นปัจจัยซ้ำเติม
อย่างไรก็ดี เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะยังไม่เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) แต่ธนาคารกรุงเทพได้มีการปรับประมาณการอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ไทยในปี 2568 จากเดิมต้นปีคาดว่าจะขยายตัว 3% ปรับมาอยู่ในกรอบ 2.5-3% แต่หลังจากสหรัฐประกาศขึ้นภาษีเกินกว่าคาดหมาย และมีสถานการณ์แผ่นดินไหว จึงคาดว่าเศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ 2.5% บวกลบ แต่มีทิศทางจะขยายตัวต่ำกว่า 2.5%
ขณะที่ภาคการลงทุนของไทย ภายใต้มรสุมมีพายุพัด เปรียบเหมือนคนที่เล่นสกี เรือใบ อาจจะต้องเชี่ยวชาญ ไม่เช่นนั้นอาจจะเสียชีวิตได้ จะเห็นว่าในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาเกิดความผันผวนมากมายจากลมปาก และความเชื่อมั่นที่หายไป ซึ่งไม่ได้สะท้อนปัจจัยพื้นฐานเลย ดังนั้น จำเป็นต้องหาสินทรัพย์ที่มั่นคงมากขึ้น และหากไม่พร้อมควรออกจากตลาด และการลงทุนอาจจะต้องใช้เงินเย็น
อย่างไรก็ดี มาตรการที่เกี่ยวกับการซื้อขาย และ Short Sell ชั่วคราวของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) มองว่า มาตรการเหล่านี้เป็นมาตรการชั่วคราว อาจจะช่วยการซอร์ตเซลและหุ้นตกได้ แต่ไทยจะต้องสร้างความเชื่อมั่นและสร้างปัจจัยพื้นฐานให้ตลาด
“เราต้องประคับประคองและรักษาโมเมนตัมเศรษฐกิจ การส่งออกและท่องเที่ยวให้ได้ ทำให้บริษัทที่จะมาลงทุนในไทยลงทุนเร็วขึ้น และเราจะต้องเตรียมตัวเลือกข้าง เพราะในอนาคตระบบการค้าโลกจะเปลี่ยนไปสู่ผู้มีอำนาจใหญ่ จากเดิมคนตัวเล็กได้ประโยชน์มีคนดูแล แต่ต่อไปคนตัวเล็กจะไม่ได้รับการปกป้อง และจะมีการค้าขายกับเพื่อนบ้านมากขึ้น เป็น Multipolar Trading World แบ่งขั้วค้าขาย และเกิดการจับขั้วเพื่อแข่งขัน เราจึงต้องเตรียมการและใช้ทุกปาร์ตี้ในการเจรจา”