โลกรับมือ ‘ภาษีทรัมป์’

trump
บทบรรณาธิการ

ตลาดหุ้นไทยเมื่อวันที่ 8 เม.ย. สะท้อนสถานการณ์เศรษฐกิจโลก หลังผู้นำสหรัฐประกาศขึ้นภาษีตอบโต้ เปิดตลาดภาคเช้ามาที่ระดับ 1,125.21 จุด เคลื่อนไหวในแดนลบที่ระดับ 1,073.43 จุด ปรับลดลง 51.78 จุด โดยดัชนีทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,080.27 จุด และทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,073.43 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ 5,230.98 ล้านบาท

ความเห็นจาก นายรักพงศ์ ไชยศุภรากุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยและกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ภาพรวมหุ้นไทยปรับลดอย่างรุนแรง ความเสี่ยงหลักคือ ภาษีตอบโต้ของสหรัฐที่ยังแรงอยู่ หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ตลาดหุ้นไทยร่วงหนักมากตามที่คาดการณ์ไว้ ดัชนีปรับลง 3.15% สะท้อนความกังวลที่เพิ่มขึ้นต่อภาษีตอบโต้ ซึ่งสหรัฐเก็บไทย 36% และสร้างความกังวลต่อผลกระทบต่อภาคส่งออก การเติบโตของจีดีพี รวมทั้งกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.)

นายรักพงศ์กล่าวด้วยว่า แรงขายค่อนข้างกระจายในหุ้นหลัก ๆ เกือบทุกกลุ่ม หลังต่างชาติขายสุทธิหนักถึง 6.4 พันล้านบาท สะท้อนการร่วงแรงมากของหุ้นเอเชีย หลังจากประเทศจีนตอบโต้สหรัฐ โดยการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐ 34% ซึ่งทำให้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ว่าจะเพิ่มภาษีกับจีนขึ้นไปอีก ในวันที่ 9 เม.ย. ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนนี้ผันผวนมาก เนื่องจากระหว่างเทรดมีข่าวลือว่า นายทรัมป์จะเลื่อนการเก็บภาษีไป 90 วัน แต่ทำเนียบขาวได้ปฏิเสธแล้ว

สำหรับในประเทศ นักลงทุนควรติดตามการประชุมของภาครัฐในวันนี้ เพื่อหากลยุทธ์เจรจากับสหรัฐ กรณีภาษีนำเข้าสินค้า รวมทั้งติดตามการตอบสนองของตลาดหุ้นจากการร่วงหนักของตลาดหุ้นเอเชียเมื่อวานนี้ ซึ่งส่วนหนึ่งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จะมีปัจจัยช่วยจากการประกาศมาตรการชั่วคราวเพื่อลดความผันผวนของตลาดหุ้น โดยได้ปรับราคาซิลลิ่งและฟลอร์ของหุ้นจากปกติ บวกหรือลบ 30% เป็นบวกหรือลบ 15% และยังประกาศห้ามชอร์ตเซลเป็นการชั่วคราวด้วย

แม้ทุกประเทศคาดหมายล่วงหน้าว่า สหรัฐจะผลักดันนโยบายที่เน้นผลประโยชน์ของประเทศตนเองเป็นหลักอย่างจริงจังแน่นอน แต่เมื่อประกาศออกมาจริงก็พบว่า เกิดผลกระทบที่กว้างขวาง แม้แต่ในสหรัฐเอง มีการชุมนุมประท้วงประธานาธิบดีของตนเอง โดยคนอเมริกันหลายอาชีพ ใช้ชื่อว่า Hands Off ! หรือเอามือออกไป

สำหรับประเทศไทย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ แถลงด่วน สั่งเลื่อนพิจารณาร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ไปก่อน เพื่อพิจารณาเรื่องเร่งด่วนอื่นก่อน อาทิ เรื่องภาษีนำเข้าสหรัฐ โดยนายกฯจะเรียกประชุมคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาติดตามปัญหากับฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ก่อนจะให้ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯและ รมว.คลัง เดินทางไปสหรัฐ เพื่อหารือกับฝ่ายต่าง ๆ หาทางแก้ปัญหา โดยมีแนวการเจรจาที่ปรับแก้เงื่อนไขการค้าและข้อกำหนดต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับความต้องการของฝ่ายสหรัฐ ซึ่งเป็นแนวทางที่หลายประเทศเตรียมใช้เจรจากับสหรัฐ

ADVERTISMENT