หุ้นไทยลุ้นรีบาวนด์ รับข่าวทรัมป์ระงับเก็บภาษี 90 วัน ยกเว้นจีน

หุ้นไทย
Photo : pexels

บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมินหุ้นไทยวันนี้ ดีดรีบาวนด์ แนวต้าน 1,120 จุด รับข่าวทรัมป์ระงับการใช้ภาษีศุลกากรตอบโต้ออกไปอีก 90 วัน มีผลทันที ส่วนจีนที่ถูกขึ้นภาษี 125% หากกลับมาเจรจาจะสร้าง sentiment บวกมากขึ้น

บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด รายงานว่า คาด SET ดีดรีบาวนด์ แรงหนุนจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศระงับการใช้ภาษีศุลกากรตอบโต้ออกไปอีก 90 วัน มีผลทันที ทำให้ไทยที่ถูกเรียกเก็บภาษี 36% มีเวลาเพียงพอในการเตรียมเจรจาต่อรองมากขึ้น รวมทั้งราคาน้ำมันขึ้นแรงหนุนกลุ่มพลังงาน ส่วนจีนที่ถูกขึ้นภาษี 125% หากกลับมาเจรจาจะสร้าง sentiment บวกมากขึ้น ประเมินแนวรับที่ 1,100-1,090 จุด แนวต้านที่ 1,120-1,140 จุด

ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม

ประธานาธิบดีทรัมป์ระงับบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้เป็นเวลา 90 วัน โดยมีผลบังคับใช้ในทันที หลังมากกว่า 75 ประเทศได้ติดต่อมาเพื่อเจรจาหาทางออก ขณะที่เพิ่มการเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้านำเข้าจากจีน สู่ระดับ 125% จาก 104% โดยมีผลบังคับใช้ในทันที

• จีนแถลงตอบโต้ต่อมาตรการภาษีของ ปธน.ทรัมป์อีกครั้ง ด้วยการปรับขึ้นภาษีศุลกากรต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐ จาก 34% เป็น 84% โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 10 เม.ย. 68 ซึ่งการตอบโต้ระหว่างกัน คาดทำให้การค้าระหว่างสองเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกหยุดชะงักลง

• ธนาคารกลางจีน (PBOC) ขอให้ธนาคารของรัฐชะลอการซื้อดอลลาร์สำหรับบัญชีของตัวเอง พร้อมทั้งเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบคำสั่งซื้อดอลลาร์จากลูกค้า เพื่อสกัดเก็งกำไรและความผันผวนของค่าเงินหยวน หลังเงินหยวนอ่อนค่าลงจากกังวลสงครามการค้า

• ADB ประเมิน GDP ไทยจะเติบโต 2.8% ในปี’68 และ 2.9% ในปี’69 เป็นการคาดการณ์ก่อนภาษีนำเข้าสหรัฐจะมีผลบังคับใช้ โดยการท่องเที่ยวยังเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก แต่การบริโภคภาคเอกชนอาจชะลอตัว จากหนี้ครัวเรือนที่สูง รวมทั้งความตึงเครียดการค้าโลกที่เพิ่มขึ้น

ADVERTISMENT

• ตลท.เผยศักยภาพหุ้นไทยยังอยู่ในจุดที่ดี หลังใช้เกณฑ์ซีลลิ่ง-ฟลอร์ 15% ส่วนชอร์ตเซลยังวัดผลไม่ได้ ใช้มาตรการ 4 วันเหมาะสม ประเมินสถานการณ์ตลอดเวลา มีมาตรการพร้อมนำมาใช้รับมือตลาดผันผวน

• ธุรกิจอสังหาฯซึมยาว โจทย์ยากรุมเร้า ทุบกำลังซื้อไม่ฟื้น กู้ไม่ผ่านพุ่ง 45% เอฟเฟ็กต์แผ่นดินไหวจุดเปลี่ยนตลาด บูมเช่า บ้านแนวราบ ชะลอผุดตึกสูง จับตาหุ้นกู้ 1.2 แสนล้านเสี่ยงผิดนัด

ADVERTISMENT

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน

จากความไม่แน่นอนต่อเศรษฐกิจที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ความผันผวนของ SET ยังคงอยู่ในระดับสูงและมีแนวโน้มจะเอียงไปทางด้าน Downside โดยเฉพาะในช่วงที่มีการตอบโต้ทางภาษีระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะจีนเพิ่มเติม ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 2 ธีมหลัก และ 1 ธีมเทรดดิ้ง ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้

1. หุ้นที่คาดเป็นเป้าหมาย Thai ESGX โดย 1) ปี 2568 คาดกำไรเติบโต YOY  2) ฐานะการเงินแกร่ง และ 3) จ่ายปันผลสม่ำเสมอ คาดให้ Div. Yield อย่างน้อยปีละ 3% พบหุ้นน่าสนใจ SET50 : ADVANC BBL BDMS CPALL PTT และ SET100 : BCH BTG

2. หุ้น Undervalued คัดเลือกหุ้น SET100 ที่คาดเป็นเป้าหมายกองทุน โดย 1) ปี 2568 คาดกำไรเติบโต YOY 2) มีความสามารถจ่ายดอกเบี้ยสูง 3) ซื้อขายที่ PER และ PBV 2568F ระดับต่ำกว่า -1SD 4) คาดให้ Div. Yield อย่างน้อยปีละ 2% และ 5) มี SET ESG Ratings ระดับ A-AAA แนะนำ MTC MINT BJC CPF

3. Trading Idea : นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการเก็งกำไรภายใต้สงครามการค้าที่มีท่าทีรุนแรงขึ้น แนะนำหุ้นที่มีรายได้ภายในประเทศเป็นหลัก ซึ่งจะต้านทานความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ดีกว่า โดยเฉพาะหากสามารถกำหนดราคาและส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้

อีกทั้งคาดจะได้ประโยชน์จากการปรับลงของราคาน้ำมันและดอกเบี้ย ได้แก่ BCH CPALL CPAXT GULF MTC OR และ TRUE ขณะที่แนะนำหลีกเลี่ยงกลุ่มที่ได้ผลกระทบทางตรงจากส่งออกไปสหรัฐ ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ ยาง สินค้าเกษตร เครื่องประดับ และกลุ่มที่ได้รับผลกระทบทางอ้อม ได้แก่ นิคม ท่องเที่ยว ธนาคาร