สงครามการค้าสหรัฐ-จีนเดือด ทองคำทะลุ 3,200 ดอลลาร์ ทำ All-time High ต่อ

Gold 3200
คอลัมน์ : สถานีลงทุน
ผู้เขียน : ธนรัชต์ พสวงศ์ ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส

ถึงแม้ว่าสหรัฐจะระงับมาตรการภาษีตอบโต้กับประเทศต่าง ๆ เป็นเวลา 90 วัน ยกเว้นประเทศจีน สะท้อนถึงทรัมป์เลือกทำสงครามการค้าอย่างรุนแรงกับจีน สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่รุนแรงมากขึ้น คาดว่าจากกระทบให้เศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศชะลอตัวลง และอาจจะนำมาสู่เศรษฐกิจโลกถดถอยได้

เนื่องจากสหรัฐเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 1 ของโลก จีนเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของโลก จากความเสี่ยงเรื่องเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มถดถอย ทำให้ยังมีแรงซื้อทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยและราคาทองคำปรับตัวขึ้นแรงต่อเนื่องและทะลุ 3,200 ดอลลาร์ ทำ All-time High ที่ 3,219 ดอลลาร์

Timeline สงครามการค้าสหรัฐ-จีน

จีนเป็นประเทศเป้าหมายที่สหรัฐมุ่งทำสงครามการค้ามากที่สุด นับตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ สหรัฐมีการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนอัตรา 10% หลังจากนั้น 1 เดือน วันที่ 4 มีนาคม สหรัฐมีการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้นเป็นอัตรา 20% วันที่ 12 มีนาคม สหรัฐมีการเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมอัตรา 25% กับทุกประเทศ

และวันสำคัญที่สุดที่ทำให้ตลาดการเงินปั่นป่วนทั่วโลก คือวันที่ 2 เมษายน ที่ทรัมป์ประกาศว่าเป็นวัน Liberation Day สหรัฐมีการเก็บภาษีกับสินค้าทุกชนิด ทุกประเทศอัตรา 10% มีผลบังคับใช้ในวันที่ 5 เมษายน และเก็บภาษีตอบโต้ 60 ประเทศในอัตราที่แตกต่างกัน มีผลบังคับใช้ในวันที่ 8 เมษายน

ซึ่งจีนถูกเรียกเก็บอัตราภาษีสูงถึง 34% ทำให้อัตราภาษีนำเข้าเป็น 54% ซึ่งจีนก็ตอบโต้กลับทันที โดยเก็บภาษีสินค้านำเข้ากับสหรัฐ 34% ทางด้านสหรัฐตอบโต้กลับโดยการเก็บภาษีนำเข้าจากจีนเป็น 104% หลังจากนั้นจีนก็ตอบโต้กลับโดยการเก็บภาษีกับสหรัฐเป็น 84% มีผลบังคับใช้ในวันที่ 10 เมษายน และล่าสุดสหรัฐเก็บภาษีนำเข้ากับจีนเป็น 125% มีผลบังคับใช้ทันที หรือในวันที่ 9 เมษายน

ซึ่งทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ขณะนี้สหรัฐเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในอัตรา 145% หลังจากทรัมป์ประกาศเพิ่มการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็น 125% แต่อัตราภาษีดังกล่าวยังไม่รวมกับทรัมป์เก็บภาษี 20% เมื่อวันที่ 4 มีนาคม ซึ่งเป็นอัตราภาษีนำเข้าที่สูงมากของทั้ง 2 ประเทศ

ADVERTISMENT

สหรัฐและจีนต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน

สหรัฐเป็นประเทศที่จีนส่งออกมากที่สุด และมีสัดส่วนอย่างมีนัยสำคัญถึงราว 15% ขณะที่จีนมีการส่งออกไปยังเวียดนาม เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ในสัดส่วนประมาณ 4-6% จีนพยายามลดความเสี่ยงโดยการกระจายการส่งออกไปยังประเทศต่าง ๆ แต่สังเกตได้ว่าที่จีนส่งออกไปกว่า 65 ประเทศ มีสัดส่วนไม่ถึง 1% เท่านั้น ดังนั้นเศรษฐกิจจีนที่ขับเคลื่อนจากการส่งออกยังต้องพึ่งพาการส่งออกไปยังสหรัฐเป็นอย่างมาก

จีนเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของสหรัฐ เป็นประเทศที่ถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐมากที่สุดอันดับ 2 ของโลก รองจากญี่ปุ่น ซึ่งสหรัฐเป็นประเทศที่ขาดดุลการค้ามากที่สุดของโลก เงินหยวนที่ผูกค่ากับเงินดอลลาร์ช่วยพยุงมูลค่าของเงินดอลลาร์

ADVERTISMENT

แนวโน้มราคาทองคำ Spot เป็นขาขึ้นในระยะยาว ถึงแม้ว่าอาจมีแรงเทขายทำกำไรออกมาบางช่วง แต่คาดว่าจะมีแรงซื้อกลับเข้ามา ในกรณีที่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนยังดำเนินรุนแรงต่อไป และการเจรจาต่อรองไม่สามารถหาข้อยุติได้ ทำให้มีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มถดถอย

สำหรับปัจจัยด้านเทคนิค Indicator ต่าง ๆ กำลังเข้าสู่ภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) แล้วอีกครั้ง ในกรณีที่ราคาทองยังเดินหน้าปรับขึ้นได้ต่อ คาดที่แนวต้าน 3,275 ดอลลาร์ จะมีแรงเทขายออกมา และคาดจะปรับฐานแรง แนวรับระยะสั้น 3,175 ดอลลาร์ และ 3,120 ดอลลาร์ ส่วนแนวต้าน 3,275 ดอลลาร์ ผ่านขึ้นไปได้แนวต้าน 3,360 ดอลลาร์ เท่ากับราคาเป้าหมายของทองคำของฮั่งเซ่งเฮงที่คำนวณจากปัจจัยพื้นฐาน