ปิดเกม ‘Virtual Bank’ BBL ถอน-3 กลุ่มจ่อคว้าไลเซนส์

Virtual Bank

ดีเดย์วันที่ 19 มิ.ย. 2568 นี้ กระทรวงการคลัง จะประกาศรายชื่อกลุ่มธุรกิจที่จะได้รับใบอนุญาตจัดตั้งธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (Virtual Bank) ลอตแรก ภายหลังล่าสุด ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ส่งรายละเอียดไปให้กระทรวงการคลังพิจารณาอนุมัติเรียบร้อยแล้ว เมื่อสัปดาห์ก่อนเข้าสู่เทศกาลสงกรานต์

ธปท.ยืนยันให้ไลเซนส์ 3 ราย

นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายองค์กรสัมพันธ์ และโฆษก ธปท. กล่าวว่า คณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกได้เสนอรายชื่อผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจัดตั้ง Virtual Bank ไปที่กระทรวงการคลังเรียบร้อยแล้ว โดยกระทรวงการคลังมีเวลา 3 เดือนในการพิจารณา และประกาศรายชื่ออย่างเป็นทางการ ภายในวันที่ 19 มิ.ย.

“ธปท.ยังคงยืนยันในการอนุมัติเบื้องต้น 3 รายก่อน เนื่องจากการให้บริการ Virtual Bank เป็นการเปิดครั้งแรกในไทย ต้องดูความพร้อมของผู้ประกอบการ และความพร้อมของผู้กำกับดูแล รวมถึงความเสี่ยงของผู้ใช้บริการ ดังนั้น 3 รายยังเหมาะสม ส่วนจะเปิดเพิ่มต่อไปหรือไม่นั้น อาจจะต้องดูการให้บริการว่า Virtual Bank จะสามารถปิดช่องโหว่ธนาคารดั้งเดิมได้หรือไม่”

ทั้งนี้ สิ่งที่ ธปท.อยากเห็นจาก Virtual Bank คือ นวัตกรรมและบริการใหม่ ๆ ที่ไม่ซ้ำซ้อนกับธนาคารที่มีอยู่เดิม และลดต้นทุนทางการเงินให้กับผู้ใช้บริการ โดยกลุ่มลูกค้า Virtual Bank จะแตกต่างไปจากลูกค้าแบงก์ เพราะต้องเน้นกลุ่มที่เข้าไม่ถึงบริการทางการเงิน

อย่างไรก็ดี โฆษก ธปท.ปฏิเสธที่จะระบุว่า “รายชื่อ 3 รายจะเป็นใครบ้าง โดยต้องรอให้กระทรวงการคลังประกาศอย่างเป็นทางการ ซึ่งระหว่างนี้กระทรวงการคลังสามารถพูดคุยกับ ธปท.ได้ หากต้องการสอบถามถึงผู้ที่ได้รับการคัดเลือก”

โดยเมื่อมีการประกาศรายชื่อทางการแล้ว ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจะมีเวลาเตรียมความพร้อมของระบบการให้บริการ 1 ปี ซึ่งระหว่างนี้ ธปท.และกระทรวงการคลังจะมีการออกประกาศและทำหนังสือคู่มือประชาชน โดยจะเป็นคู่มือแสดงรายละเอียดสิ่งที่ผู้ประกอบการจะต้องเตรียมตัว

ADVERTISMENT

“ธปท.คาดว่าภายในปี 2569 จะสามารถเปิดบริการ Virtual Bank ได้”

“ยกแรก” แบงก์กรุงเทพถอนตัว

วงในจากกระทรวงการคลังระบุว่า รายชื่อ 3 กลุ่มที่ปรากฏเป็นข่าว น่าจะคาดการณ์ได้ไม่ยาก เนื่องจากกลุ่มของธนาคารกรุงเทพ ที่จับมือกับกลุ่มบีทีเอสได้ถอนตัวไป เพราะธุรกิจของแบงก์กรุงเทพไม่ได้เน้นลูกค้ารายย่อย อย่างไรก็ดี ใบอนุญาต Virtual Bank ทั้งหมดจะมี 5 ใบ แต่ทาง ธปท.ให้เริ่มต้น 3 ใบก่อน ส่วนที่เหลือจะเปิดเพิ่มเมื่อใด ก็ขึ้นกับการประเมินผล

โบรกฯวิเคราะห์ 3 กลุ่มธุรกิจ

นายกรกช เสวตร์ครุตมัต ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จาก 3 รายชื่อที่มีข่าวว่าผ่านการคัดเลือกจาก ธปท. คือ 1.กลุ่มธนาคารกรุงไทย (KTB+ADVANC+OR) 2.กลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB+Kakao Bank จากเกาหลีใต้+WeBank จากจีน) และ 3.กลุ่มแอสเซนด์ มันนี่ ในเครือ ซี.พี. (ทรูมันนี่+Ant Group บริษัทลูกของอาลีบาบา) ถือว่าไม่ได้ผิดคาดมาก เพราะทั้ง 3 กลุ่มมีความพร้อมทั้งเรื่องเงินทุนและพันธมิตร

“คาดว่าคงสร้างความเปลี่ยนแปลงในธุรกิจธนาคารได้ในระดับหนึ่ง แต่ไม่ถึงขั้นมีนัยสำคัญ เพราะเริ่มต้นมีเพียงแค่ 3 ราย ไม่ได้มากถึง 5-10 ราย และ 2 ใน 3 รายดังกล่าว เป็นผู้เล่นที่ทำธุรกิจธนาคารพาณิชย์อยู่แล้ว (KTB และ SCB) ดังนั้น 2 กลุ่มนี้คงมีแนวทางในการจับกลุ่มลูกค้าที่ไม่ใช่ฐานลูกค้าเดิมของตัวเอง คงจะมาเปิดขยายฐานลูกค้าใหม่ ๆ โดยดึงเอาความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการทำธุรกิจธนาคารเข้ามาช่วย”

ขณะที่กลุ่มที่น่าสนใจคือ กลุ่ม ซี.พี. เพราะเป็นผู้เล่นรายใหม่ที่ไม่เคยอยู่ในธุรกิจธนาคารพาณิชย์มาก่อน ฉะนั้นจะเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้การแข่งขันมีอะไรใหม่ ๆ เกิดขึ้นได้

“กลุ่ม KTB กับกลุ่ม ซี.พี. น่าจะชิงเบอร์ 1 ธุรกิจ Virtual Bank เพราะมีฐานลูกค้าที่น่าจะเป็นกลุ่มที่ธนาคารยังเข้าไปไม่ถึงเยอะกว่า ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง หรือ TrueMoney ซึ่งมีลูกค้าใช้งานเป็นระดับ 10 ล้านรายขึ้นไป ส่วน SCB มีพาร์ตเนอร์ที่ดี แต่ตอนนี้ยังไม่เห็นว่ามีฐานลูกค้ามากน้อยแค่ไหน’

ชิงลูกค้า “เงินฝาก-น็อนแบงก์”

นายกรกชกล่าวว่า ภาพแรกของการแข่งขัน Virtual Bank คือ การชิงฐานลูกค้าเงินฝากเป็นหลัก เพราะกลุ่มธนาคารใหม่ต้องมีฐานทุนเพื่อนำมาต่อยอดในการปล่อยกู้ และนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่าง ๆ

“คาดว่าปีหน้าเป็นต้นไปคงเห็นการแข่งขันด้านเงินฝากที่สูงขึ้น โดยใช้กลยุทธ์ให้อัตราดอกเบี้ยสูงน่าดึงดูดใจ ฉะนั้นอาจทำให้ต้นทุนกลุ่มธนาคารโดยรวมปรับสูงขึ้นเล็กน้อย เพราะมีผู้เล่นใหม่มาช่วงชิงฐานเงินฝาก”

ส่วนการแข่งขันด้านการปล่อยกู้ไม่ได้กังวลนัก เพราะคาดว่าฐานลูกค้าที่ 3 ผู้เล่น Virtual Bank จะเข้าไปจับจะเป็นกลุ่มที่ไม่เคยเป็นลูกค้าธนาคารมาก่อน ดังนั้นจะไม่ชนกับกลุ่มธนาคารพาณิชย์ดั้งเดิมโดยตรง แต่อาจจะไปแย่งฐานลูกค้ากับกลุ่มสถาบันการเงิน (Nonbank) มากกว่า เช่น กลุ่มจำนำทะเบียน, กลุ่มสินเชื่อส่วนบุคคล, กลุ่มสินเชื่อเอสเอ็มอีขนาดเล็ก เป็นต้น โดยพิจารณาจากรูปแบบการดำเนินธุรกิจ Virtual Bank จากทั่วโลก

“ค่าฟี” ตัวแปรสำคัญ จุดคุ้มทุน

นายกรกชกล่าวว่า อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจในการแข่งขันของธุรกิจ Virtual Bank คือการแข่งขันในการขายผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่าง ๆ ที่ครบวงจรและเป็นลักษณะ Universal ยกตัวอย่าง เมื่อใช้แอปพลิเคชั่น K-PLUS ถ้าจะซื้อกองทุนรวม อาจจะมีให้เลือกแค่กองทุนรวมของ บลจ.กสิกรไทย เท่านั้น แต่ถ้าเป็น Virtual Bank จะสามารถซื้อกองทุนรวมได้จากทุก ๆ บลจ. โดยไม่จำกัดค่ายใดค่ายหนึ่ง ฉะนั้นจะทำให้ผู้ใช้บริการสะดวกและอยากใช้บริการมากขึ้น

“ดังนั้นจะทำให้การขายผลิตภัณฑ์ทางการเงิน รวมไปถึงธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) อาจจะ Mass มากขึ้น และจะเข้ามาแข่งผู้เล่นรายเดิม ๆ ในตลาดได้ ไม่ว่าจะเป็น KTB, SCB, BBL, KBANK ซึ่งในโมเดลธุรกิจ Virtual Bank ถ้าจะถึงจุดคุ้มทุน (Breakeven Point) ได้เร็ว ต้องขายผลิตภัณฑ์ทางการเงินให้มีรายได้ค่าธรรมเนียม (Fee Income) เข้ามา”

มองช่วงแรกแข่งขันไม่รุนแรง

ภาสกร หวังวิวัฒน์เจริญ นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ประเมินการแข่งขันในอุตสาหกรรมธนาคาร ในช่วงแรกที่มี Virtual Bank น่าจะไม่ได้รุนแรงขึ้น จากปัจจุบันที่มีธนาคารพาณิชย์อยู่ราว 28 แห่ง และน็อนแบงก์อีกจำนวนมาก มีสินทรัพย์ ณ สิ้นปี 2567 ราว 24 ล้านล้านบาท ซึ่งหลัก ๆ อยู่ใน 6 ธนาคารที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศ (D-SIBs) ราว 20 ล้านล้านบาท

2 กลุ่มหุ้นรับประโยชน์

ฟาก บล.กรุงศรีประเมินว่า การมาของ Virtual Bank เป็นบวกต่อหุ้น 3 กลุ่ม ดังนี้ 1.หุ้นในกลุ่มที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Tech Consult) อาทิ BE8, BBIK ที่มีโอกาสได้งานพัฒนาระบบเพิ่มเติม ซึ่งตามเกณฑ์ ธปท. ต้องทำเป็นระบบแยกออกมาใหม่

2.หุ้นในกลุ่มที่ผ่านการคัดเลือกและมีฐานข้อมูลในมือที่บริษัทร่วมทุนดำเนินธุรกิจ Virtual Bank ไปใช้ต่อยอด อาทิ ADVANC, TRUE (ลูกค้ามือถือ 45 ล้านราย และ 49.7 ล้านราย) CPALL, CPAXT (สมาชิกร้านค้า All Member สมาชิกร้าน Makro สมาชิก Club Card Lotus’s)

“ในเชิงกลยุทธ์ประเมินหุ้นกลุ่มดังกล่าว มีโอกาสจะมีอัพไซด์ต่อกำไรในระยะถัดไปในช่วงเริ่มต้นธุรกิจ Virtual Bank แต่ละราย แนะนำ ‘เก็งกำไร’ หุ้นในกลุ่มดังกล่าว BE8 ราคาเป้าหมาย 18.1 บาท BBIK ที่ 46.3 บาท ADVANC ที่ 311 บาท TRUE ที่ 15 บาท CPALL ที่ 80 บาท”