4 แบงก์โกยกำไร 2 หมื่นล้าน ‘ธนาคารกรุงเทพ’ โตเพิ่ม 21%

Banks rake in profits กำไรธนาคาร

ธนาคารพาณิชย์ 4 แห่ง โชว์กำไรสุทธิไตรมาสแรกปี’68 รวม 2.01 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% YOY และเพิ่มขึ้น 11.82% QOQ “แบงก์กรุงเทพ” กวาดกำไรสูงสุด 1.26 หมื่นล้านบาท อานิสงส์รายได้ดำเนินงาน-รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยพุ่ง 66.4% YOY ขณะที่ “ทิสโก้” กำไรหดตัวทั้ง QOQ และ YOY หลังรายได้ดอกเบี้ยลดลง-ลดภาระกลุ่มเปราะบาง-ตั้งสำรองเพิ่มรับปล่อยกู้ผลตอบแทนสูง ฟาก “ทีทีบี” โชว์กำไร QOQ เพิ่ม 2.08% หลังหนี้เสียจากขาดทุนรถยึดลดลงจากโครงการ “คุณสู้ เราช่วย”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ทยอยแจ้งผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568 ณ วันที่ 18 เมษายน 2568 ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ธนาคารทหารไทยธนชาต (ttb) ธนาคารทิสโก้ (TISCO) และธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) พบว่า ธนาคาร 4 แห่งมีกำไรสุทธิรวมกันอยู่ที่ 20,195 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากไตรมาส 1 ปี 2567 (YOY) ที่อยู่ 18,257 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 11.82% เมื่อเทียบไตรมาส 4 ปี 2567 (QOQ) ที่อยู่ 18,060 ล้านบาท

ทั้งนี้ หากดูธนาคารที่มีกำไรสุทธิสูงสุดในไตรมาส 1/2568 จะเป็นธนาคารกรุงเทพ อยู่ที่ 12,618 ล้านบาท รองลงมา คือ ธนาคารทหารไทยธนชาต อยู่ที่ 5,096 ล้านบาท ธนาคารทิสโก้ อยู่ที่ 1,643 ล้านบาท และธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย อยู่ที่ 838 ล้านบาท

โดยธนาคารกรุงเทพมีกำไรสุทธิ เติบโตเพิ่มขึ้น QOQ ราว 21.28% อยู่ที่ 10,404 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 19.90% YOY ที่อยู่ 10,524 ล้านบาท

ซึ่งสาเหตุการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิธนาคารกรุงเทพ ส่วนใหญ่มาจากรายได้จากการดำเนินงาน รวมถึงมีรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ซึ่งไตรมาส 1/2568 อยู่ที่ 13,745 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.2% QOQ และเพิ่มขึ้น 66.4% YOY เป็นผลมาจากการลงทุนตามสภาวะตลาด และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิจากการให้สินเชื่อและบริการประกันผ่านธนาคาร (แบงก์แอสชัวรันซ์) และบริการกองทุนรวมที่ยังสามารถเติบโตได้ดี แม้ว่ารายได้ดอกเบี้ยสุทธิปรับลดลงตามทิศทางอัตราดอกเบี้ย

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีทีบี กล่าวว่า ทีทีบีมีกำไรสุทธิ เติบโตเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบ QOQ ราว 2.08% อยู่ที่ 4,992 ล้านบาท แต่ลดลง -5.17% YOY ที่อยู่ 5,374 ล้านบาท โดยหากดูกำไรสุทธิเมื่อเทียบ QOQ ที่ปรับเพิ่มขึ้น 2.08% เป็นผลมาจากการควบคุมต้นทุนทางการเงินที่ดี การบริหารต้นทุนในการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ และลดต้นทุนความเสี่ยง

ADVERTISMENT
ปิติ ตัณฑเกษม
ปิติ ตัณฑเกษม

ซึ่งค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง 7.0% QOQ ส่งผลให้อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ (C/I) ปรับลดลงมาอยู่ที่ 43% จาก 44% ในไตรมาส 4/2567 เป็นผลมาจากการปรับโมเดลธุรกิจสู่ Digital First การมีวินัยด้านค่าใช้จ่าย และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญปรับลดลง 2.0% จาก 4,580 ล้านบาท ในไตรมาส 1/2568 ลดลงมาอยู่ที่ 4,690 ล้านบาท ในไตรมาส 4/2567 เป็นผลมาจากอัตราการเกิดของหนี้เสียและผลขาดทุนจากรถยึดที่ลดลง และส่วนหนึ่งมาจากการช่วยเหลือลูกหนี้ผ่านโครงการ “คุณสู้ เราช่วย”

ADVERTISMENT

ด้านธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย มีกำไรสุทธิไตรมาส 1 ปี 2568 อยู่ที่ 838 ล้านบาท ลดลง -12.89% QOQ แต่เมื่อเทียบ YOY เพิ่มขึ้น 33.87% โดยสาเหตุการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิ 33.87% มาจากรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 2.2% YOY หรือราว 77.7 ล้านบาท และธนาคารสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้น ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง 22.1% YOY หรือลดลง 485 ล้านบาท

ส่วนธนาคารทิสโก้ เป็นธนาคารที่มีกำไรสุทธิหดตัว ทั้งในแง่ QOQ และ YOY โดยกำไรสุทธิในไตรมาส 1 ปี 2568 เทียบไตรมาส 4 ปี 2567 หดตัว -3.43% จากกำไรสุทธิในไตรมาส 4 ปี 2567 อยู่ที่ 1,701 ล้านบาท ลดลงมาอยู่ที่ 1,643 ล้านบาท และเมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2567 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,733 ล้านบาท

ซึ่งปัจจัยหลักการลดลงของกำไรสุทธิ จะมาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิปรับลดลง 2.1% จากไตรมาส 1/2568 อยู่ที่ 3,328 ล้านบาท เมื่อเทียบ (QOQ) และเทียบ YOY ลดลง 2.0% ผลมาจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และการลดภาระดอกเบี้ยให้ลูกหนี้กลุ่มเปราะบางในโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” นอกจากนี้ ธนาคารยังมีการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 0.7% ของยอดสินเชื่อ เพื่อรองรับการเติบโตของสินเชื่อที่มีผลตอบแทนสูง

นายศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้ กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 เผชิญกับความท้าทายจากหลายปัจจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศ จากความตึงเครียดของสงครามการค้าที่ยืดเยื้อ และเหตุแผ่นดินไหวที่สร้างความตื่นตระหนกและกระทบต่อความเชื่อมั่น กดดันภาคเศรษฐกิจที่เปราะบางอยู่แล้วให้อ่อนแอลงยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังต้องจับตาความเสี่ยงใหม่จากมาตรการภาษีตอบโต้จากสหรัฐที่เริ่มขึ้นในเดือนเมษายน 2568

“ประเมินว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2568 จะยังมีความท้าทายสูง คาดการณ์ว่าจะเติบโตเพียง 1.5-2% โดยขึ้นอยู่กับผลของการเจรจาต่อรองอัตราภาษีกับสหรัฐ และผลกระทบข้างเคียงในภูมิภาค

ผลกระทบจากเศรษฐกิจดังกล่าว ส่งผลให้กำไรสุทธิในไตรมาส 1/2568 ของกลุ่มทิสโก้ ปรับตัวลดลง 5.2% จากไตรมาส 1 ของปีที่แล้ว มาอยู่ที่ 1,643 ล้านบาท”