หุ้นไทยแกว่งลง แนวรับ 1,120 จุด ไทยถูกเลื่อนเจรจาการค้าสหรัฐ

ตลาดหุ้น

บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมินหุ้นไทยวันนี้ แกว่งตัวลง แนวรับ 1,120 จุด แนวต้าน 1,150 จุด หลังมีกระแสข่าวว่าการเจรจาภาษีระหว่างไทยกับสหรัฐ 23 เม.ย. ถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด-สงครามการค้าขยายวงกว้าง หลังจีนพร้อมตอบโต้ประเทศต่าง ๆ หุ้นแนะนำ TRUE, BDMS

บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด รายงานว่า คาด SET แกว่งตัวลง หลังมีกระแสข่าวว่าการเจรจาภาษีระหว่างไทยกับสหรัฐ 23 เม.ย. ถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด อีกทั้งยังมีความตึงเครียดสงครามการค้าขยายวงกว้างหลังจีนพร้อมตอบโต้ประเทศต่าง ๆ หากทำข้อตกลงกับสหรัฐที่สร้างความเสียหายกับจีน ขณะที่ Bond Yield ดีดตัวขึ้น อาจทำให้นักลงทุนเข้าสู่ภาวะ Risk-off ประเมินแนวรับที่ 1,120-1,110 จุด แนวต้านที่ 1,143-1,150 จุด

ช่วงสั้นมอง SET ยังแกว่งตัวผันผวนและการซื้อขายจะเป็นไปอย่างระมัดระวัง เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลความไม่แน่นอนเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐที่มีต่อประเทศคู่ค้า รวมทั้งยังต้องติดตามความคืบหน้าการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

ซึ่งหากสถานการณ์ยังยึดเยื้อและทวีความรุนแรงขึ้น จะส่งผลกดต้นต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกและบรรยากาศการลงทุนในตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก ขณะที่ในประเทศมองยังไร้ปัจจัยบวกใหม่และอยู่ระหว่างจับตาการเข้าเจรจาทางการค้าของรัฐบาลไทยกับสหรัฐ ซึ่งคาดข้อสรุปอาจต้องใช้เวลา 2-3 เดือน ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนำให้ “Selective Buy”

ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม

  •  ประธานาธิบดีทรัมป์เตือนเศรษฐกิจอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย หากเฟดไม่ลดดอกเบี้ยทันที ขณะที่เงินเฟ้อแทบไม่เหลือจากราคาพลังงานและสินค้าอุปโภคบริโภคที่ลดลง และได้เปรียบกับ ECB ที่ปรับลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง
  • จีนเตือนประเทศต่าง ๆ ไม่ให้ทำข้อตกลงทางเศรษฐกิจและการค้ากับสหรัฐ ซึ่งจะสร้างความเสียหายต่อผลประโยชน์ของจีน และหากประเทศใดเลือกแนวทางดังกล่าว จีนก็จะดำเนินมาตรการตอบโต้อย่างเด็ดขาด
  • แหล่งข่าวทำเนียบรัฐบาลเผยทีมไทยที่จะเดินทางไปเจรจาเศรษฐกิจและการค้ากับสหรัฐ ในวันที่ 23 เม.ย.นี้ถูกเลื่อนออกไป โดยกำหนดการใหม่จะต้องรอการตอบรับจากผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) อีกครั้ง
  • สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการรับซื้อไฟฟ้าหมุนเวียน 5,200MW ไม่ใช่ต้นเหตุทำให้ค่าไฟฟ้าแพง โดยต้นทุนรับซื้อเฉลี่ยอยู่ที่ราว 2.7 บาท/หน่วย และไม่อาจยกเลิกสัญญาได้ เนื่องจากโครงการส่วนใหญ่ได้ลงนามสัญญา PPA และบางโครงการได้เริ่ม COD แล้ว
  • สมาคมผู้ค้าปลีกไทยคาด GDP ปีนี้โตเหลือ 1.0-1.4% และค้าปลีกเติบโต 3.4% น้อยกว่าปี’65-66 จากสงครามการค้า สินค้าจีนทะลักเข้าไทยแนะเร่งฟื้นท่องเที่ยว เสนอคืน VAT 7% ให้นักท่องเที่ยวช็อป 3,000 บาทขึ้นไป ดันไทยสู่ช็อปปิ้งพาราไดส์แห่งอาเซียน
  • กสทช.ได้ข้อสรุปให้นำคลื่นออกประมูล 4 ย่านความถี่ในวันที่ 29 มิ.ย. 68 ส่วนคลื่นที่เหลือ 1800MHz 26GHz และ 3500MHz ยังไม่ประมูล
  • ราคาน้ำมันปรับลงหลังมีรายงานความคืบหน้าเจรจานิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐและอิหร่าน อีกทั้งกังวลสงครามการค้ากระทบอุปสงค์น้ำมันโลก

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน

มอง SET แกว่งตัวผันผวน และการซื้อขายยังเป็นไปอย่างระมัดระวัง จากกังวลความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของสหรัฐ และรอติดตามการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะจีน กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 2 รีมหลักและ 1 รีมเทรดดิ้ง ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้

1.หุ้นที่คาดเป็นเป้าหมาย Thai ESGX โดย 1) ปี 2568 คาดกำไรเติบโต YOY 2) ฐานะการเงินแกร่ง และ 3) จ่ายปันผลสม่ำเสมอ คาดให้ Div. Yield อย่างน้อยปีละ 3% พบหุ้นน่าสนใจ SET50 : ADVANC BBL BDMS CPALL PTT 11a : SET100 : BCH BTG

ADVERTISMENT

2.หุ้น Undervalued ซึ่งปัจจุบันซื้อขายที่ PER และ PBV 68F ระดับต่ำกว่า -1SD และมี SET ESG Rating ระดับ A-AAA ขณะที่ปี 2568 คาดกำไรยังเติบโตได้ดี YOY และมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง อีกทั้งมีศักยภาพจ่ายเงินปันผลได้อย่างสม่ำเสมอ โดยคาดให้ Div. Yield ปี 2568 อย่างน้อยปีละ 3% แนะนำ BJC CPF AP HMPRO OR

3.Trading Idea : นักลุงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง และต้องการเก็งกำไรภายใต้สงครามการค้าที่มีทีท่ารุนแรงขึ้น แนะนำหุ้นที่มีรายได้ภายในประเทศเป็นหลัก ซึ่งจะต้านทานความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ดีกว่า โดยเฉพาะหากสามารถกำหนดราคาและส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ อีกทั้งคาดจะได้ประโยชน์จากการปรับลงของราคาน้ำมันและดอกเบี้ย ได้แก่ BCH CPALL CPAXT GULF MTC OR และ TRUE ขณะที่แนะนำหลีกเลี่ยงกลุ่มที่ได้ผลกระทบทางตรงจากส่งออกไปสหรัฐ ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ ยาง สินค้าเกษตร เครื่องประดับ และกลุ่มที่ได้ผลกระทบทางอ้อม ได้แก่ นิคม ท่องเที่ยว ธนาคาร

หุ้นแนะนำวันนี้

TRUE : มองเป็นหุ้นเด่นกลุ่มสื่อสาร โดยคาด 1Q68 กำไรปกติจะอยู่ที่ 3.7 พัน ลบ. เติบโต 364.7% YOY และ 4.7% QOQ พร้อมคาดจะพลิกกลับมามีกำไรสุทธิได้ใน 2068 อีกทั้งยังมี Upside จากการประมูลคลื่นความถี่ นอกจากนี้ผลประกอบการน่าจะได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับภาษีการค้าสหรัฐค่อนข้างจำกัด

BDMS : มองเป็นหุ้นปลอดภัยภายใต้ตลาดที่ผันผวนสูงและราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นจากคาดเป็นหนึ่งในเป้าหมายกองทุน Thai ESGX เนื่องจากมี SETESG Rating ระดับ A ขณะที่กำไรยังมีโมเมนตัมเติบโตต่อเนื่อง โดยปี 2568 คาดกำไรจะเติบโต 8% YOY และ Valuation ไม่แพง โดยปัจจุบันซื้อขายที่ PER 68F ระดับ 21.7 เท่า ต่ำกว่า -2SD ของ PER เฉลี่ย 10 ปี