
ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพรายงานว่า สภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันอังคารที่ 22 เมษายน 2568
ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (22/4) ที่ระดับ 33.22/24 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ โดยค่าเงินบาทอ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (21/4) ที่ระดับ 33.09/10 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ หลังจาก Conference Board เปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ Leading Economic Index (LEI) ปรับตัวลง 0.7% ในเดือน มี.ค.
ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าปรับตัวลงเพียง 0.5% หลังจากปรับตัว 0.2% ในเดือน ก.พ. ดัชนี LEI ถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าของสหรัฐ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการคาดการณ์ของผู้บริโภค ราคาหุ้น และคำสั่งซื้อใหม่ในภาคการผลิต ซึ่งถือเป็นสิ่งบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ โดยคำนวณจากตัวเลขเศรษฐกิจ 10 รายการ ซึ่งรวมถึงราคาหุ้น คำสั่งซื้อใหม่ของภาคการผลิต การอนุญาตสร้างบ้าน ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน และความเชื่อมั่นผู้บริโภค
นอกจากนี้สหรัฐได้กำหนดอากรใหม่สำหรับการนำเข้าแผงโซลาร์เซลล์จาก 4 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นภูมิภาคที่จัดหาแผงโซลาร์ส่วนใหญ่ให้กับสหรัฐ ได้แก่ กัมพูชา 3,521%, เวียดนาม 395.9%, ไทย 375.2% และมาเลเซีย 34.4% อากรใหม่นี้จะถูกเรียกเก็เพิ่มเติมนอกเหนือจากภาษีศุลกากรที่ทรัมป์ได้กำหนดขึ้นอย่างกว้างขวางก่อนหน้านี้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานและตลาดโลก
โดยอากรตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (antidumping and countervailingduties) มีเป้าหมายเพื่อลดผลกระทบจากการอุดหนุนและการตั้งราคาสินค้าอย่างไม่เป็นธรรมตามที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐคำนวณ การตัดสินใจครั้งนี้เป็นผลสรุปจากการสอบสวนทางการค้าที่ดำเนินมายาวนานกว่า 1 ปี ซึ่งพบว่าผู้ผลิตแผงโซลาร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้รับประโยชน์อย่างไม่เป็นธรรมจากเงินอุดหนุนของรัฐบาล และขายสินค้าในราคาต่ำกว่าต้นทุนการผลิต การสอบสวนครั้งนี้ป็นไปตามคำร้องขอของผู้ผลิตโซลาร์ภายในสหรัฐ และริเริ่มขึ้นในสมัยของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน
อย่างไรก็ตาม การเก็บอากรนี้ยังขึ้นอยู่กับการตัดสินแยกต่างหากของคณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐ (US International Trade Commission) ซึ่งจะตัดสินในอีกประมาณ 1 เดือนว่าจะถือว่าผู้ผลิตในสหรัฐได้รับความเสียหายหรือมีความเสี่ยงจากการนำเข้าเหล่านี้หรือไม่ สำหรับเรื่องสงครามการค้านั้น จีนได้ออกมาแถลงว่าหากประเทศไหนทำตามข้อตกลงกับสหรัฐ เพื่อโดดเดี่ยวจีน ก็จะมีมาตรการตอบโต้
ด้านปัจจัยภายในประเทศ มีรายงานว่า ทีมเจรจาต่อรองเรื่องภาษีสหรัฐ ที่มีนายพิชัย ชุณหวชิร เป็นหัวหน้าคณะเจรจาจะยังไม่ได้หารือกับทางรัฐบาลสหรัฐ ในวันที่ 23 เม.ย.นี้ ตามที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เคยประกาศเอาไว้ โดยการเจรจาดังกล่าวได้ถูกเลื่อนออกไป และทางสหรัฐยังไม่ได้ยืนยันวันและเวลาที่ฝ่ายไทยเข้าไปเจรจาแต่อย่างใด
มีรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายพิชัย ชุณหวชิร ได้ยื่นใบลาประชุม ครม.ไว้ เพื่อจะเดินทางไปสหรัฐ ตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย. 68 เพื่อเตรียมเจรจากับสหรัฐในวันที่ 23 เม.ย. แต่ล่าสุดได้ยกเลิกใบลาแล้ว และจะร่วมประชุม ครม.ในวันอังคารที่ 22 เม.ย.ตามปกติ รอสหรัฐคอนเฟิร์มวันอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
นอกจากนี้สมาคมผู้ค้าปลีกไทย หวั่นปัจจัยลบสงครามการค้า สินค้าจีนโอเวอร์ซัพพลายทะลักเข้าไทยกระทบเอสเอ็มอี ฉุดเศรษฐกิจไทย ค้าปลีกปี 2568 ชะลอตัว 3.4% แนะรัฐเร่งฟื้น ท่องเที่ยว เสนอโปรเจ็กต์ “Instant tax refund” ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ให้นักท่องเที่ยวช็อป 3,000 บาทขึ้นไป หนุนภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เขตปลอดภาษีสินค้าไลฟ์สไตล์ หวังเม็ดเงินสะพัดระดับแสนล้าน ดันไทยเป็นช็อปปิ้งพาราไดซ์
ด้านปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะประธานคณะกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยหรือบอร์ด ททท.เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ปรับแผนการท่องเที่ยวครึ่่งหลังของปี 68 ใหม่หลังหารือกับนายกรัฐมนตรีแล้ว พบว่านักท่องเที่ยวเอเชีย เช่น จีน ฮ่องกง ไต้หวัน เวียดนาม เกาหลีใต้ เดินทางเที่ยวไทยลดลงเฉลี่ย 17% ทำให้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ต้องหันทำตลาดที่เน้นมูลค่ารายได้จากการใช้จ่ายมากกว่าจำนวนนักท่องเที่ยว พร้อมปรับรายได้รวมจากการท่องเที่ยวลดลงเหลือ 3 ล้านล้านบาท มาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2 ล้านล้านบาท นักท่องเที่ยวไทย 1 ล้านล้านบาท
โดยตลาดยังคงจับตา การดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐ และการเจรจากับประเทศต่าง ๆ ทั้งนี้ในระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 33.10-33.28 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ 33.17/18 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโรเปิดตลาดเช้าวันนี้ (22/4) ที่ระดับ 1.1487/91 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร อ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวัน (21/4) ที่ระดับ 1.1543/46 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร บลูมเบิร์ก คาดการณ์อัตราดอกเบี้ยสิ้นปี 2568 คาดการณ์ว่า ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลงมาอยู่ที่ 1.75% จาก 2.25% โดยจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งละ 0.25% ในเดือนมิถุนายนและเดือนกันยายน
ส่วนด้านนักลงทุนคาดหวังว่า ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 3 ครั้งภายในปีนี้ โดยการปรับลดครั้งต่อไปนั้นมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในเดือนมิถุนายน สำหรับทวีปยุโรป หากมาตรการเก็บภาษีของทรัมป์ไม่ได้รับการผ่อนปรน คาดการณ์ว่าจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ แม้ว่าจะมีปัจจัยบวกเข้ามาช่วยเช่น การใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้ฐานจำนวนมากของเยอรมนี และการลงทุนด้านการทหารที่เพิ่มขึ้นทั่ว
ซึ่งอาจกระทบอัตราเงินเฟ้อที่กำลังปรับตัวเข้าสู่เป้าหมาย 2% ของ ECB ด้านเดวิด พาวเวลล์ จาก Bloomberg Economics มองว่ามาตรการภาษีศุลกากรจำนวนมากของสหรัฐ จะส่งผลกระทบต่อความต้องการสินค้าและบริการในกลุ่มประเทศยูโรโซน และมีแนวโน้มที่จะนำไปสู่ภาวะเงินฝืดในระยะกลาง
พร้อมทั้งรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ ECB และ BOE) โดยนางคริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB จะมีการกล่าวสุนทรพจน์ในวันนี้ (22/4) ทั้งนี้ในระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวกรอบระหว่าง 1.1480-1.1547 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.1505/06 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร
สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนเปิดตลาดเช้าวันนี้ (22/4) ที่ระดับ 140.89/90 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเล็กน้อยเมื่อวันจันทร์ (21/4) ที่ระดับ 140.70/71 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ จอร์จ กลาส เอกอัครราชทูตสหรัฐ ประจำญี่ปุ่นคนใหม่แสดงความเชื่อมั่นอย่างสูงต่อการเจรจาภาษีศุลกากรระหว่างสหรัฐกับญี่ปุ่นที่กำลังจะมีขึ้นรอบใหม่ในปลายเดือนนี้ว่าจะเป็นไปได้ด้วยดี
ท่าทีดังกล่าวมีขึ้นหลังการเข้าพบหารือกับนายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ ของญี่ปุ่น สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความท้าทายจากนโยบาย “อเมริกาต้องมาก่อน” (America First) ของ ปธน.ทรัมป์ ซึ่งได้นำไปสู่การขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ เหล็กกล้า อะลูมิเนียม และการเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ 24% กับสินค้าญี่ปุ่น (แม้ภาษีบางส่วนยังคงถูกระงับอยู่)
ปัจจัยเหล่านี้ได้เพิ่มความซับซ้อนให้กับความสัมพันธ์ที่ทั้งสองประเทศเคยนิยามว่า “แข็งแกร่งดุจเหล็ก” ทั้งสองประเทศยังคงเดินหน้าเสริมสร้างความสามารถในการปฏิบัติการร่วมกันระหว่างกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นกับกองทัพสหรัฐ เพื่อรับมือกับภัยคุกคามด้านความมั่นคงในภูมิภาค โดยเฉพาะจากจีนและเกาหลีเหนือ
นอกจากนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยว่า นายกฯอิชิบะและกลาสยังเห็นพ้องที่จะทำงานร่วมกันเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการป้องปรามและตอบโต้ของพันธมิตร ควบคู่ไปกับการ “ลดภาระ” ให้กับชุมชนท้องถิ่นที่เป็นที่ตั้งฐานทัพสหรัฐ โดยเฉพาะในจังหวัดโอกินาวะ ซึ่งเป็นพื้นที่รองรับฐานทัพสหรัฐส่วนใหญ่ และเผชิญแรงต่อต้านจากคนในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่องจากปัญหาด้านเสียงดัง ความปลอดภัย และอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับบุคลากรทางทหาร
ทั้งนี้ในระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 139.86-141.17 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ 140.40/41 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้น และภาคบริการขั้นต้นเดือน เม.ย. (23/4) ของสหรัฐ และประเทศต่าง ๆ ในยุโรป, ยอดขายบ้านใหม่เดือน มี.ค. (23/4), รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beuge Book) จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) (24/4), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐ (24/4), ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือน มี.ค.ของสหรัฐ (24/4), ดัชนีกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือน มี.ค. และยอดขายบ้านมือสองเดือน มี.ค. ของสหรัฐ (24/4)
สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -7.75/-7.5 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยงภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -10/8.5 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ