กรุงศรีฯ คาดเงินบาทซื้อขาย 33.00-33.80 บาท ชี้ สงครามการค้าลดระดับ

กรุงศรี

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ประเมินค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 33.00-33.80 บาทต่อดอลลาร์ ชี้ข้อตกลงภาษีสินค้านำเข้าระหว่างสหรัฐ-จีน ล่าสุด หนุนค่าเงินดอลลาร์ และกดดันราคาทองคำในระยะสั้น คาดเฟดลดดอกเบี้ยช้าลง

นางสาวรุ่ง สงวนเรือง ฝ่ายส่งเสริมธุรกิจโกลบอลมาร์เก็ตส์ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ระบุว่า มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.00-33.80 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 33.01 บาทต่อดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วง 32.61-33.20 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่เงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่

โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเอกฉันท์ให้คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 4.25-4.50% ตามที่ตลาดคาด ท้าทายแรงกดดันจากประธานาธิบดีทรัมป์ซึ่งต้องการให้ปรับลดดอกเบี้ยลง โดยประธานเฟดแสดงท่าทีว่ายังไม่รีบร้อนที่จะลดดอกเบี้ย และอยากเห็นความชัดเจนเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลกระทบของนโยบายภาษีศุลกากร ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่สูงขึ้นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี เฟดระบุว่านโยบายสามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็วหากจําเป็น แต่ปัจจุบันเศรษฐกิจสหรัฐยังแข็งแกร่ง แม้ว่าจีดีพีไตรมาสแรกจะหดตัวก็ตาม ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นและพันธบัตรไทย 917 ล้านบาท และ 10,582 ล้านบาท ตามลำดับ

สำหรับภาพรวมในสัปดาห์นี้ ข้อตกลงของสหรัฐที่จะลดภาษีนำเข้าจากจีนลงเหลือ 30% จาก 145% เป็นเวลา 90 วัน และจีนจะลดภาษีสำหรับสินค้าสหรัฐเป็น 10% จาก 125% จะหนุนค่าเงินดอลลาร์และกดดันราคาทองคำในระยะสั้น จากสงครามการค้าที่ลดความร้อนแรงเกินคาด และมุมมองของตลาดที่ว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยช้าลง

อนึ่ง สหรัฐกำลังพยายามปฏิรูปเศรษฐกิจจีน เพื่อเปลี่ยนจีนจากผู้ส่งออกมาเป็นผู้บริโภค และนำไปสู่การค้าที่สมดุลมากขึ้น ส่วนการประเดิมแถลงกรอบการค้าระหว่างสหรัฐกับสหราชอาณาจักร อาจบ่งชี้แนวทางสําหรับการเจรจากับประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย อีกทั้งสหรัฐแสดงความยืดหยุ่นเรื่องภาษีตามภาคอุตสาหกรรม อย่างไรก็ดี อัตราภาษีพื้นฐาน 10% จะเป็นอัตราขั้นต่ำที่ไม่ได้รับการยกเว้น เนื่องจากการเกินดุลการค้าจํานวนมาก และการปฏิบัติทางการค้าที่สหรัฐอ้างว่าไม่เป็นธรรม ซึ่งจะทำให้เรากลับไปอยู่ในสถานการณ์การค้าโลกที่ไม่ได้ดีไปกว่าก่อน Deliberation Day เมื่อ 2 เมษายน นอกจากนี้ ตลาดจะติดตามข้อมูลเงินเฟ้อและยอดค้าปลีกเดือนเมษายนของสหรัฐ รวมถึงความเห็นประธานเฟด

สำหรับปัจจัยในประเทศ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า สงครามการค้าทำให้เศรษฐกิจไทยเผชิญความไม่แน่นอนสูงมาก ขณะที่กระสุนนโยบายการเงินและการคลังมีจำกัด ทางด้านดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนเมษายนลดลง 0.22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยเป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบกว่าหนึ่งปี และกระทรวงพาณิชย์คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอาจยังคงลดลงในเดือนพฤษภาคม

ADVERTISMENT