Q1 บจ.รอดสงครามภาษี ลุ้นผลเจรจาสหรัฐ ‘ดันกำไรเพิ่ม’

Push more profits

ในปี 2568 ผลตอบแทนตลาดหุ้นไทยยังไม่ค่อยสู้ดีนัก จากปัจจัยลบรุมเร้าโดยเฉพาะผลกระทบจากพิษภาษีทรัมป์ สะท้อนผ่านดัชนีหุ้นไทย นับตั้งแต่ต้นปี 2568 ถึงปิดตลาดวันที่ 15 พ.ค. (YTD) SET Index ติดลบอยู่เกือบ 15% ขณะที่บรรดาบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในภาคเรียลเซ็กเตอร์ ทยอยประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 1/2568 กันออกมาต่อเนื่อง บางสำนักวิจัยคาดการณ์กำไร บจ. โดยรวมยังดีกว่าคาด แต่ทั้งนี้ คงต้องติดตามการประกาศของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า กำไรตลาดไตรมาสแรกปีนี้จะออกมาดีหรือไม่

ตลท.ลุ้นกำไร ส่ง Jump+ หนุน

ดร.ศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า กำไร บจ. ช่วงไตรมาส 1/2568 หากไม่รวมเซ็กเตอร์พลังงาน มองว่าตัวเลขกำไรตลาดน่าจะออกมาเป็นที่น่าพึงพอใจได้ ขณะที่แนวโน้มระยะถัดไปหากไทยมีการเจรจาด้านภาษีกับสหรัฐได้สำเร็จในช่วงครึ่งปีหลัง อาจส่งผลให้หลายอุตสาหกรรมไม่ได้รับผลกระทบอย่างที่คาดการณ์ไว้

เรื่องนี้สอดคล้องกับ “นายอัสสเดช คงสิริ” กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯที่กล่าวว่า ทิศทางกำไร บจ. มองว่ามีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้น โดยเฉพาะแรงหนุนจากโครงการ Jump+ ที่จะเริ่มดำเนินการ พ.ค.นี้ เพื่อผลักดันให้ บจ.เพิ่มศักยภาพการเติบโต และให้นักลงทุนทราบถึงแผนธุรกิจในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ว่าจะเป็นอย่างไร เติบโตเท่าไหร่ นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯยังได้ร่วมมือกับ Nasdaq ที่จะใช้ AI ช่วยผลักดันการเติบโตให้กับ บจ.อีกด้วย

“สิ่งที่เราคุยกับ Nasdaq คือระยะถัดไปของการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ส่วนหนึ่งจะมาจากการเพิ่ม Productivity เช่น แม้ว่าธุรกิจอาจจะมีรายได้เติบโต แต่การลดค่าใช้จ่ายก็มีความสำคัญที่จะช่วยให้กำไรของ บจ.เติบโตขึ้นได้เช่นกัน” ผู้จัดการตลาดหุ้นไทยกล่าว

กราฟิก ดันกำไรเพิ่ม

คาดกำไรเกิน 2 แสนล้าน

ด้าน “นายณัฐพล คำถาเครือ” ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า กำไร บจ.ไตรมาส 1/2568 ที่ทยอยประกาศออกมา ส่วนใหญ่ดีกว่าหรือใกล้เคียงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งเซ็กเตอร์ที่ดีกว่าคาดจะเป็นกลุ่มสื่อสาร กลุ่มค้าปลีก และกลุ่มพลังงาน ส่วนกลุ่มธนาคารออกมาตามที่คาดการณ์

ADVERTISMENT

ทั้งนี้ เบื้องต้นคาดการณ์กำไร บจ.ไตรมาส 1 จะอยู่ที่ประมาณ 2.1 แสนล้านบาท ซึ่งยังเป็นช่วงที่ไม่โดนผลกระทบมาตรการภาษีทรัมป์ เนื่องจากทรัมป์เริ่มประกาศเก็บภาษีไทยในช่วงเดือน เม.ย. 2568

“คาดว่ากำไร บจ.ไตรมาส 1 เป็นไปได้ที่จะเกินระดับ 2 แสนล้านบาท เนื่องจากเซ็กเตอร์ใหญ่อย่าง ธนาคาร, พลังงาน ไม่ได้มีอะไรที่เป็นเชิงลบ รวมถึงมีกลุ่มสื่อสารเข้ามาช่วยหนุนด้วย เช่น บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) ที่พลิกกลับมาทำกำไรได้“

สงครามภาษีทุบกำไร Q2

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มในช่วงไตรมาส 2/2568 อาจมีบริษัทได้รับผลกระทบจากนโยบายสงครามการค้า โดยกลุ่มที่อาจโดนกระทบจะเป็นเซ็กเตอร์ส่งออก ส่วนกลุ่ม Domestic Play อาจถูกกดดันจากเศรษฐกิจภายในประเทศที่ชะลอตัว รวมถึงภาคท่องเที่ยวที่แผ่วลง เพราะนักท่องเที่ยวจีนหาย จึงมองว่ากำไรกลุ่มส่งออก, ท่องเที่ยว, Domestic Play ที่ไม่ใช่ของกิน ของใช้ อาจจะชะลอตัวลงมา แต่กลุ่มที่ยังจำเป็น เช่น สื่อสาร, โรงไฟฟ้า อาจจะยังไปต่อได้

บจ.รายงานกำไรแล้ว 50%

ขณะที่ “นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล” CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า กำไร บจ.ไตรมาส 1/2568 ส่วนใหญ่จะเป็นไปในทิศทางที่ดีกว่าคาด โดยประเมินว่ากำไรบริษัทที่จดทะเบียนในกลุ่ม SET จะออกมาประมาณ 1.72 แสนล้านบาท ลดลง 9% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน (YOY) และเพิ่มขึ้น 17% เทียบจากไตรมาสก่อนหน้า (QOQ)

ทั้งนี้ ปัจจุบัน บจ.ในตลาดหุ้นทยอยประกาศงบการเงินออกมาแล้ว ประมาณกว่า 50% ของจำนวนบริษัททั้งตลาด ซึ่งยังคงต้องติดตามต่อไป โดยข้อมูลล่าสุด (14 พ.ค.) สัดส่วนที่ดีกว่าคาดอยู่ที่ประมาณ 46% ตามคาด 28% ส่วน 26% จะต่ำกว่าคาด จะเห็นว่าสัดส่วนตามคาดและดีกว่าคาดค่อนข้างสูงมากกว่า 70%

“เราคาดว่ากำไร บจ. จะเพิ่มขึ้น QOQ แต่ลดลง YOY ซึ่งปัจจุบันเริ่มจะเห็นทิศทางกำไร YOY ทรง ๆ ถือว่าดีกว่าที่คาด ส่วน QOQ ก็เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดด้วย”

โดยกลุ่มที่รายงานผลประกอบการดีกว่าคาด คือ กลุ่ม ICT และกลุ่มธนาคาร ที่ถือเป็นเซ็กเตอร์ใหญ่ โดยกำไรออกมาดีกว่าคาดราว 8% ขณะที่กลุ่มพลังงานยังออกมาลดลง YOY แต่ดีขึ้น QOQ ด้านกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ฯก็ยังถือว่าอ่อนแอกว่าที่คาด

ขณะที่แนวโน้มระยะถัดไปมองว่า ยังมีความเสี่ยงจากผลเจรจาด้านภาษีของสหรัฐ โดยอุตสาหกรรมที่อาจได้รับผลกระทบค่อนข้างมากจะเป็นท่องเที่ยว ส่งออก อิเล็กทรอนิกส์ นิคมอุตสาหกรรม รวมถึงการบริโภคภายในประเทศก็อาจจะมีแนวโน้มที่ชะลอตัวลง

คาดกำไรทั้งปีดี อานิสงส์ฐานต่ำ

ส่วนภาพรวมในแง่ของกำไร บจ. ทั้งปีคาดว่าน่าจะดีขึ้น เนื่องจากปีที่ผ่านมา ฐานกำไรค่อนข้างต่ำ แต่จะขึ้นมากน้อยแค่ไหนยังตอบยาก เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนค่อนข้างสูง ทั้งผลการเจรจาด้านภาษีสหรัฐ รวมถึงยังมี Downside ด้านเศรษฐกิจ ทั้งด้านการท่องเที่ยวที่อ่อนแอกว่าที่คาด

แต่ก็ยังมีปัจจัยหนุนอยู่ เช่น การดึงดูดการลงทุนจากกองทุน Thai ESGX และการสับเปลี่ยนกองทุน LTF เพื่อดึงเม็ดเงินเข้ามาในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น รวมถึงความคาดหวังความคืบหน้าการเจรจาภาษีสหรัฐ

“อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามต่อไปว่าผลการเจรจาด้านภาษีจะไปในทิศทางไหน จะได้อัตราภาษีเท่าไหร่ จะเลื่อนต่อหรือไม่ เพราะหากเลื่อนก็อาจจะมีผลต่อการลงทุนของต่างชาติ รวมถึงการบริโภคในประเทศก็อาจชะลอตัว หรือแนวโน้มการส่งออกในช่วงที่เหลือของปีนี้ก็อาจลดลงได้”