ธปท. เผยเศรษฐกิจ เม.ย.ปรับดีขึ้น เห็นด้วยรัฐจัดงบฯ 1.57 แสนล้าน ใช้จ่ายตรงจุด

ชญาวดี ชัยอนันต์

ธปท. เผยเศรษฐกิจ เม.ย. 68 ปรับดีขึ้นจากเดือนก่อนตามการผลิตภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการ และการลงทุนภาคเอกชน รับเห็นด้วยรัฐจัดงบประมาณ 1.57 แสนล้าน เน้นบรรเทาความเดือดร้อนโดยตรงจากมาตรการภาษีทรัมป์ พร้อมแนะภาคธุรกิจ-รายย่อยปรับตัวรับความไม่แน่นอนสูง

นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายองค์กรสัมพันธ์ และโฆษก ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยเดือนเมษายน 2568 ปรับดีขึ้นจากเดือนก่อน จากภาคการผลิตและภาคบริการที่เกี่ยวข้องกับการผลิต เช่น ภาคการค้าและการขนส่งสินค้า โดยการผลิตที่เพิ่มขึ้น บางส่วนเป็นการผลิตเพื่อเติมสินค้าคงคลังหลังได้เร่งส่งออกไปในช่วงก่อนหน้า ด้านการลงทุนภาคเอกชนเพิ่มขึ้นจากหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์เป็นสำคัญ ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวต่อเนื่อง สำหรับภาคการท่องเที่ยวปรับดีขึ้นเล็กน้อย แต่ยังหดตัวเมื่อเทียบกับปีก่อน อย่างไรก็ตาม การส่งออกสินค้าและการบริโภคภาคเอกชนปรับลดลงจากเดือนก่อน

สำหรับประเด็นที่ต้องติดตาม 1) นโยบายการค้าของประเทศเศรษฐกิจหลัก 2) พัฒนาการของภาคการท่องเที่ยว 3) การปรับตัวของภาคอุตสาหกรรมที่ต้องเผชิญกับปัญหาเชิงโครงสร้างและการแข่งขันที่สูงขึ้น และ 4) แรงส่งจากภาคการคลัง

ขณะที่ในฝั่งของร้านอาหารที่ดูเหมือนว่าจะซึมเศร้าลง ซึ่ง ธปท. มีความกังวลใจ เนื่องจากที่ผ่านมาการท่องเที่ยวเป็นเครื่องยนต์ที่สำคัญ และมีปัจจัยหลายปัจจัยที่ทำให้ภาคการท่องเที่ยวชะลอลง อย่างไรก็ตามทั่วโลกมีเซนติเมนต์ ที่อาจจะแย่ลงและมองไปข้างหน้าประเทศคู่ค้าอาจจะมีรายได้ที่ลดลงในแง่ของการใช้จ่ายอาจจะได้รับผลกระทบ ถึงภาคการท่องเที่ยวได้ ขณะที่ในช่วงไตรมาส 2 ภาคการท่องเที่ยวอยู่ในช่วงโลว์ซีซั่น ซึ่งยังต้องติดตามต่อไป

“ภาพมันยังไม่ได้ชัดและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นคงไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคนเหมือนในช่วงโควิด แต่ความยากอาจจะเกิดขึ้นได้ในบางเซ็กเตอร์ ซึ่งคนที่เกี่ยวข้องจะกระทบมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับการปรับตัวของแต่ละคน แต่ละเซ็กเตอร์ แต่ละบริษัทเป็นหลัก รวมถึงผลการเจรจาการค้าระหว่างประเทศไทยกับสหรัฐด้วย”

ในส่วนของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาท เห็นด้วยกับการทบทวนแผนใช้งบประมาณ โดยหวังว่าในปัจจุบันคงต้องเน้นไปที่การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเพิ่มการผลิตรักษาการจ้างงาน และเน้นไปในกลุ่มที่ต้องบรรเทาความเดือดร้อนโดยตรงจากมาตรการภาษีทรัมป์ เช่น กลุ่มผู้ส่งออกสินค้าไปสหรัฐ รวมถึงกลุ่มผู้ผลิตที่ได้รับผลกระทบจากสินค้าที่เข้ามาจากต่างประเทศ รวมถึงส่วนการดูแลภาคการท่องเที่ยวมองว่าเป็นการใช้จ่ายที่ตรงจุด อาจจะไม่ใช่การกระตุ้น แต่จะทำให้เศรษฐกิจค่อย ๆ ปรับตัวและผ่านจุดยากลำบากไปได้

สำหรับกรณีหลังศาลอุทธรณ์สหรัฐได้สั่งระงับคำตัดสินศาลการค้า และอนุมัติภาษีทรัมป์ยังมีผลบังคับใช้ได้ต่อ จากก่อนหน้านี้ศาลการค้าเบรกทรัมป์ขึ้นภาษีทั่วโลกนั้น มองว่าคงเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ตอกย้ำว่าความไม่แน่นอนยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งยังต้องติดตามว่าศาลอุทธรณ์จะว่าอย่างไรต่อไป โดยในส่วนของภาคเอกชน, รายย่อย (SMEs) ต้องมีความระมัดระวังมากขึ้น และขึ้นอยู่กับความสามารถของการปรับตัว หรือความตั้งใจที่จะปรับตัว แต่ผลที่เกิดขึ้นอาจจะออกชัดกว่าคือในฝั่งของตลาดการเงินที่จะมีความผันผวนค่อนข้างสูง

ADVERTISMENT

“ดังนั้นฝั่งเศรษฐกิจต้องระมัดระวังการใช้จ่ายและการลงทุนมากขึ้น ขณะที่ในฝั่งของตลาดการเงิน ต้องมีการดูแลความเสี่ยง ดังนั้นแนวทางป้องกันความเสี่ยงจึงมีความสำคัญมากขึ้น”

อย่างไรก็ตามความไม่แน่นอนในปัจจุบันมีสูงมาก คงต้องติดตามสถานการณ์ใกล้ชิดและรอดูหากมีความชัดเจนขึ้นและสามารถมีอะไรออกมาอัพเดต อาจจะมีการอัพเดตมุมมองของเศรษฐกิจได้เช่นกัน หากให้มองภาพตอนนี้ต้องบอกว่าภาพจะค่อนไปทาง Reference Scenario (สถานการณ์อ้างอิง) อาจจะอยู่ที่ประมาณ 2% หรือดีกว่า จากเศรษฐกิจไตรมาส 1/68 ที่ออกมาค่อนข้างดี ซึ่งก็ยังต้องติดตามต่อไป

สำหรับภาวะเศรษฐกิจไทย เม.ย.

การบริโภคภาคเอกชน

เครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วลดลงจากเดือนก่อน จากหมวดบริการที่ลดลงจากหมวดโรงแรมและภัตตาคาร ตามการใช้จ่ายของคนไทยในประเทศและคนไทยที่ไปเที่ยวต่างประเทศ อย่างไรก็ดี หมวดสินค้าคงทนเพิ่มขึ้นจากยอดจำหน่ายรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ส่วนหนึ่งจากการส่งมอบรถยนต์ที่สั่งจองในงานจัดแสดงรถยนต์ (Motor Show)

หมวดสินค้าไม่คงทนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากยอดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคและเครื่องดื่ม หมวดสินค้ากึ่งคงทนเพิ่มขึ้นตามปริมาณการนำเข้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม สำหรับความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงต่อเนื่อง จากความกังวลต่อความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าสหรัฐ และการชะลอตัวของภาคการท่องเที่ยว รวมถึงปัญหาหนี้ครัวเรือนและธุรกิจที่ยังอยู่ในระดับสูง

การลงทุนภาคเอกชน

เครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน จากหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์ และหมวดยานพาหนะ โดยหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการนำเข้าสินค้าทุนในหมวดคอมพิวเตอร์และเครื่องใช้สำนักงาน และหมวดอุปกรณ์ไฟฟ้า สำหรับหมวดยานพาหนะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะยอดจดทะเบียนรถยนต์นั่งและการลงทุนในเครื่องบิน เรือ และหัวรถจักร ด้านหมวดก่อสร้างทรงตัว โดยหมวดที่อยู่อาศัยปรับดีขึ้น ขณะที่หมวดที่มิใช่ที่อยู่อาศัยลดลงตามการก่อสร้างโรงแรมเป็นสำคัญ

จำนวนและรายรับนักท่องเที่ยว

จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน แต่ยังอยู่ในระดับต่ำ โดยนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นในหลายสัญชาติ โดยเฉพาะจากมาเลเซียและตะวันออกกลาง หลังสิ้นสุดเดือนรอมฎอน รวมทั้งนักท่องเที่ยวจีน หลังจากลดลงมากในช่วงก่อนหน้า ประกอบกับนักท่องเที่ยวยุโรปเพิ่มขึ้นจากวันหยุดเทศกาลอีสเตอร์ สำหรับรายรับจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ตามค่าใช้จ่ายต่อคนต่อทริปที่เพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งจากนักท่องเที่ยวระยะไกล (long-haul) ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งมีการใช้จ่ายสูงในบางสัญชาติ อาทิ กลุ่มตะวันออกกลางและยุโรป

การส่งออกสินค้า

มูลค่าการส่งออกสินค้าไม่รวมทองคำที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วลดลงจากเดือนก่อน ตามการส่งออก

1) สินค้าเกษตร ตามการส่งออกยางธรรมชาติไปจีนที่ชะลอลงหลังเร่งไปมากในช่วงก่อนหน้า และการส่งออกทุเรียนไปจีน

2) ยานยนต์ ตามการส่งออกรถกระบะไปออสเตรเลียและอาเซียน ชิ้นส่วนยานยนต์ไปสหรัฐ และรถยนต์นั่งไปตะวันออกกลางและอาเซียน

3) สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ จากการส่งออกอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมไปสหรัฐ หลังเร่งส่งออกไปในเดือนก่อน อย่างไรก็ดี การส่งออกในบางหมวดปรับเพิ่มขึ้น อาทิ สินค้าเกษตรแปรรูป ตามการส่งออกน้ำตาลไปอินโดนีเซียและน้ำมันปาล์มไปอินเดีย

 การนำเข้าสินค้า

มูลค่าการนำเข้าสินค้าไม่รวมทองคำที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน จากหมวดสินค้าทุนไม่รวมเครื่องบินตามการนำเข้าเครื่องจักร อุปกรณ์ไฟฟ้า และคอมพิวเตอร์ รวมถึงหมวดวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลางที่ไม่รวมเชื้อเพลิง ตามการนำเข้าชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า สอดคล้องกับการผลิตและการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ยังอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตาม หมวดเชื้อเพลิงปรับลดลง ตามปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบเป็นสำคัญ และหมวดสินค้าอุปโภคและบริโภคลดลงตามสินค้าคงทน โดยเฉพาะการนำเข้าอัญมณีจากอาเซียนหลังเร่งไปมากในช่วงก่อนหน้า

การผลิตภาคอุตสาหกรรม

ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนในทุกกลุ่มที่แบ่งตามสัดส่วนส่งออก โดยเฉพาะกลุ่มที่ส่งออกในสัดส่วนร้อยละ 30-60 เพิ่มขึ้นจากหมวดยานยนต์ ตามการผลิตรถยนต์นั่งเป็นสำคัญ สอดคล้องกับยอดขายในประเทศที่ปรับดีขึ้น

สำหรับกลุ่มผลิตเพื่อส่งออกน้อยกว่าร้อยละ 30 ปรับดีขึ้นจากหมวดอาหารและเครื่องดื่มตามการผลิตน้ำมันปาล์มจากผลผลิตปาล์มน้ำมันและอุปสงค์ต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งอาหารสัตว์ตามอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น ด้านกลุ่มผลิตเพื่อส่งออกมากกว่าร้อยละ 60 เพิ่มขึ้นจากการผลิตเครื่องปรับอากาศเพื่อเติมสินค้าคงคลังหลังเร่งส่งออกไปในช่วงก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม การผลิตในบางหมวดปรับลดลง อาทิ หมวดแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วน หลังจากที่เร่งผลิตไปในช่วงก่อนหน้า

ภาคบริการ

เครื่องชี้ภาคบริการที่ไม่รวมการซื้อขายทองคำและขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน จากภาคการค้าและการขนส่งสินค้า ตามยอดขายรถยนต์และการผลิตภาคอุตสาหกรรม ประกอบกับการขนส่งผู้โดยสารเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม บริการในธุรกิจโรงแรมและภัตตาคารลดลง ตามการใช้จ่ายของคนไทยที่ลดลง

รายได้เกษตรกร

รายได้เกษตรกรหดตัวจากระยะเดียวกันปีก่อน จากด้านราคาเป็นสำคัญ เป็นผลจากอุปทานไทยและโลกที่เพิ่มขึ้นจากสภาพอากาศเอื้ออำนวย ราคาสินค้าเกษตรสำคัญที่หดตัว ได้แก่

1) ข้าวขาว ตามอุปทานข้าวทั้งของไทยและของโลกที่เพิ่มขึ้นตามการกลับมาส่งออกข้าวของอินเดีย

2) ทุเรียน ตามการส่งออกที่ลดลงจากความล่าช้าในการตรวจสอบสารตกค้างของตลาดส่งออกหลัก

3) ยางพาราและอ้อย จากผลผลิตที่เพิ่มขึ้น

4) มันสำปะหลัง ตามความต้องการมันเส้นจากจีนที่ลดลง

การใช้จ่ายภาครัฐ

การใช้จ่ายภาครัฐที่ไม่รวมเงินโอนขยายตัวเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน จากทั้งรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุนของรัฐบาลกลาง โดยรายจ่ายประจำขยายตัวตามการเบิกจ่ายเงินบำนาญ ค่าตอบแทนบุคลากร และค่ารักษาพยาบาลข้าราชการ สำหรับรายจ่ายลงทุนขยายตัวตามการเบิกจ่ายของหน่วยงานด้านสาธารณูปโภคและคมนาคม ขณะที่รายจ่ายลงทุนของรัฐวิสาหกิจหดตัวจากผลของฐานสูงในปีก่อนที่มีการลงทุนในโครงการด้านสาธารณูปโภค

ภาวะการเงิน

การระดมทุนของภาคธุรกิจ โดยรวมปรับลดลงจากการระดมทุนผ่านสินเชื่อสุทธิที่ลดลงในเกือบทุกสาขาธุรกิจ โดยเฉพาะภาคก่อสร้าง ภาคการผลิต เช่น ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์และยานยนต์ รวมถึงธุรกิจสาธารณูปโภค ขณะที่การระดมทุนผ่านตลาด

ตราสารหนี้ปรับเพิ่มขึ้นจากภาคก่อสร้างและภาคบริการ โดยส่วนใหญ่เป็นการกู้ยืมเพื่อการต่ออายุ (rollover) หุ้นกู้ที่ครบกำหนด ชำระคืนหนี้สถาบันการเงิน และระดมทุนเพื่อขยายพอร์ตสินเชื่อในกลุ่มธุรกิจการเงิน สำหรับต้นทุนการระดมทุนผ่านตราสารหนี้ ในเดือนเมษายน ถึง 26 พฤษภาคม 2568 อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยระยะสั้นและระยะยาวเฉลี่ยปรับลดลงตามการคาดการณ์นโยบายการเงินของไทยเป็นสำคัญ

อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเทียบกับดอลลาร์ สรอ. เดือนเมษายน ถึง 26 พฤษภาคม 2568 เงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนและเฉลี่ยปรับแข็งค่าขึ้นจากเดือนมีนาคม จากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ สรอ. ตามความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของสหรัฐ และความกังวลของตลาดต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐ ด้านดัชนีค่าเงินบาท (NEER) ปรับลดลงในเดือนเมษายน เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลต่อการที่ไทยถูกจัดอยู่ในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายการค้าของสหรัฐสูง ขณะที่ในเดือนพฤษภาคมปรับแข็งค่าขึ้น เนื่องจากตลาดคลายความกังวลลงบ้าง หลังสหรัฐมีความคืบหน้าในการเจรจาทางการค้ากับประเทศคู่ค้าสำคัญ

เสถียรภาพเศรษฐกิจ

อัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบเล็กน้อยตามหมวดพลังงานเป็นสำคัญ จากราคาน้ำมันขายปลีกที่ลดลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลก และมาตรการลดราคาน้ำมันและค่าไฟฟ้าของภาครัฐ สำหรับหมวดอาหารสดลดลงจากผลของฐานสูงในราคาผักและผลไม้ที่มีปัญหาภัยแล้งในปีก่อน ด้านอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้นตามราคาอาหารสำเร็จรูป จากการลดการทำโปรโมชั่นอาหารโทร.สั่ง (delivery) รวมถึงเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ ตามต้นทุนวัตถุดิบที่อยู่ในระดับสูง สำหรับภาวะตลาดแรงงานโดยรวมปรับดีขึ้นเล็กน้อย

จากเดือนก่อน ตามจำนวนผู้ประกันตนมาตรการ 33 ที่เพิ่มขึ้นในหลายสาขา โดยเฉพาะเหมืองแร่ ภาคการผลิต โรงแรมและร้านอาหาร อย่างไรก็ตาม สัดส่วนผู้ขอรับสิทธิว่างงานรวมและรายใหม่ต่อผู้ประกันตนรวมปรับเพิ่มขึ้น ด้านดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลจากดุลการค้าเป็นสำคัญ อย่างไรก็ดี ดุลบริการ รายได้ และเงินโอนขาดดุลลดลงตามการส่งกลับกำไรที่น้อยลงของบริษัทต่างชาติในไทยเป็นสำคัญ