เปิดประวัติ ดร.สุทธาภา อมรวิวัฒน์ ผู้สมัคร 1 ใน 7 ตัวเต็งผู้ว่าการ ธปท.

ดร.สุทธาภา อมรวิวัฒน์
ดร.สุทธาภา อมรวิวัฒน์

จากลิสต์รายชื่อผู้ที่ยื่นใบสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนที่ 22 (ลำดับที่ 25) จำนวน 7 ราย ต้องบอกว่าล้วนมีโปรไฟล์ และดีกรีที่ไม่ธรรมดา

หนึ่งในนั้น ชื่อที่หลายฝ่ายจับตาเป็นพิเศษ ก็คือ “ดร.ก้อย-สุทธาภา อมรวิวัฒน์” ที่เพิ่งตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร บริษัท อบาคัส ดิจิทัล จำกัด ในเครือ บมจ.เอสซีบี เอกซ์ (SCBX) เพื่อมาสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าการ ธปท. เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา

ประวัติส่วนตัว-การศึกษา

ดร.สุทธาภา ปัจจุบันอายุ 51 ปี เป็นนักเรียนทุนพระราชทานเล่าเรียนหลวง สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาคณิตศาสตร์ประยุกต์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา และปริญญาเอกสาขาเศรษฐศาสตร์ การบริหารและนโยบาย สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) สหรัฐอเมริกา

นอกจากนี้ ยังสำเร็จหลักสูตร Director Diploma Examination หลักสูตร Corporate Governance for Capital Market forIntermediaries (CGI) และหลักสูตร Director Certification Program for AEC-DCP รุ่นที่ 232/2559 จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD)

ประวัติการทำงาน

ดร.สุทธาภา มีประสบการณ์ทำงาน ทั้งองค์กรระหว่างประเทศและภาคเอกชนชั้นนำ อาทิ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประเทศสหรัฐอเมริกา, สายงานบริหารความเสี่ยงของกลุ่มการเงิน ING ประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นต้น

เคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการส่วนวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาคของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กระทรวงการคลัง

เคยเป็นผู้บุกเบิกสายงาน ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ TMB (TMB Analytics) โดยดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานวิเคราะห์ความเสี่ยงและวิจัย ธนาคารทหารไทย หรือธนาคารทหารไทยธนชาต (ทีทีบี)

ADVERTISMENT

นอกจากนี้ ยังเคยดำรงตำแหน่งรองผู้จัดการใหญ่ และ Chief Economist ธนาคารไทยพาณิชย์ บริหารสายงาน Economic Intelligence Center และดูแลสายงานวิเคราะห์ความเสี่ยง (risk analytics) ก่อนจะเป็นผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี อบาคัส จำกัด (SCB Abacus) ซึ่งรีแบรนด์มาเป็น บริษัท อบาคัส ดิจิทัล จำกัด ในปัจจุบัน

นอกจากงานทางด้านการเงินการธนาคารแล้ว ดร.สุทธาภา เป็นอนุกรรมาธิการด้านการเงิน การธนาคาร สถาบันการเงินและตลาดทุน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ

ดร.สุทธาภา ได้รับเสียงเชียร์จากผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทย จึงเป็นบุคคลที่น่าจับตาเป็นอย่างยิ่ง