
พิชัย เผยสหรัฐฯ เปิดช่องเจรจาภาษีทรัมป์ เร่งจัดทีมเดินหน้าหารือยึดข้อเสนอ 5 ข้อหลัก ยันไทยต้องไม่ถูกเก็บภาษีสูงกว่าชาติอื่น
นายพิชัย ชุณหวิชร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายใน Thailand Investment Forum 2025: พลิกเกมฝ่าวิกฤติ Great Depression ว่า จากกรณีที่ประเทศไทยโดนเก็บภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่ 36% ซึ่งตนก็ได้รับข้อมูลเมื่อวานนี้แล้ว (6 มิ.ย. 68) ว่าสหรัฐฯ พร้อมเปิดพื้นที่ให้แล้ว ซึ่งหมายถึงมีความคืบหน้าในการเจรจา และเริ่มตอบกลับไปในเชิงทางการแล้ว เตรียมเข้าสู่กระบวนการลงนามเพื่อเจรจาอย่างเป็นทางการ
“ที่จริงแล้ว เราไม่ได้เพิ่งเริ่มเจรจากันวันนี้ ระดับผู้ปฏิบัติงานได้หารือกันมาอย่างต่อเนื่องแล้ว โดยมีการเตรียมประเด็น 4-5 ข้อหลักที่จะใช้ในการตอบโต้ภาษี ไม่ว่าจะเป็นการปรับโครงสร้างอัตราภาษี การแก้ปัญหาการนำเข้าสินค้าที่เราขาด การแก้ปัญหาการส่งออกสินค้าที่ไม่ใช่สินค้าของไทย (transshipment) รวมถึงประเด็นด้านมาตรการที่ไม่ใช่ภาษี (non-tariff measures) และขั้นตอนที่ล่าช้า เรากำลังหาทางออกในเชิงระบบอย่างจริงจัง”
นอกจากนี้ไทยต้องมีการเตรียมข้อมูลให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา เพื่อสอดรับกับสถานการณ์ล่าสุด ทั้งการจัดทีมเจรจาใหม่ และการปรับกลยุทธ์ใหม่
” เรื่องภาษีสหรัฐฯถือเป็นผลกระทบกับประเทศต่างๆทั่วโลก ไม่ว่าภาษีที่สหรัฐฯเรียกเก็บสุดท้ายจะเป็นเท่าไหร่ ขอให้เราไม่ถูกเก็บสูงกว่าประเทศอื่นคนอื่นถูกเก็บเท่าไหร่ เราโดนเท่านั้นก็ถือว่าโอเคครับ หากถามว่าเรื่องนี้จะเสร็จทันวันที่ 7 ก.ค. นี้หรือไหม ถ้าไม่ทันก็ไม่ต้องกังวล เพราะทั้งโลกยังไม่มีใครเสร็จยังอยู่ในกระบวนการเหมือนกัน” รมว.คลังกล่าว
โดยข้อเสนอของไทยในการหารือประกอบไปด้วย 5 เรื่อง ดังนี้
1.ทางไทยจะให้ความร่วมมือ เพื่อนำไปสู่การเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ ระหว่างไทยกับสหรัฐ โดยเน้นที่อุตสาหกรรมการแปรรูปและอุตสาหกรรมทางเทคโนโลยีดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นดาต้าเซ็นเตอร์ หรืออุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งจะพิจารณาลดอุปสรรคทางการค้าทั้งส่วนที่เป็นภาษีและไม่ใช่ภาษี
2.ทางไทยยินดีจะเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ ในหมวดสินค้าพลังงาน สินค้าเกษตร เครื่องบิน และส่วนประกอบ อุปกรณ์บริการ โดยปลัดกระทรวงพลังงานได้เดินทางไปพร้อมกับทางบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และบริษัทผลิตไฟฟ้า เพื่อหารือกับผู้ว่าการรัฐอลาสกา และบริษัทด้านพลังงานของสหรัฐ ในการหาโอกาสและเพิ่มความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างกันต่อไป
3.ไทยจะเปิดตลาดสาขาเกษตร อาทิ ผลไม้ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เป็นต้น4.เรื่องสินค้าผ่านทาง ไทยจะมีการบังคับใช้กฎหมายป้องกันการแอบอ้างถิ่นกำเนิดสินค้าอย่างเคร่งครัด ซึ่งเรื่องนี้ไทยได้ดำเนินการไประดับหนึ่งแล้ว และเป็นที่พอใจของเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรของสหรัฐ
5.ส่งเสริมการลงทุนในสหรัฐมากขึ้น ภาครัฐสนับสนุนการขยายการลงทุนของเอกชนไทยในสหรัฐ ภายใน 4 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน