
นายกสมาคม บลจ. รับเม็ดเงินไหลเข้ากองทุน Thai ESG X อาจพลาดเป้า มีเม็ดเงินใหม่เข้า 2 พันล้านบาท-โยก LTF แล้ว 8-9 พันล้านบาท ซึ่งยังต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ หวังนักลงทุนซื้อในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้าย
นางชวินดา หาญรัตนกูล นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) และกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTAM เปิดเผยว่า จากที่ในช่วงที่ผ่านมา มีการเปิดให้นักลงทุนเริ่มโยกเงินกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) เพื่อมาลงทุนใหม่ในกองทุน รวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (TESGX) นั้น
ปัจจุบันยังมีคงค้างในระบบประมาณ 1.4 แสนล้านบาท ที่รอการตัดสินใจ ซึ่งมีการทยอยโอนในช่วงผ่านมายังไม่สูงมากนักประมาณ 8-9 พันล้านบาท
ขณะที่เม็ดใหม่กองทุน TESGX มีเข้ามาซื้อประมาณ 2 พันล้านบาท จากที่คาดการณ์ไว้ในช่วงแรกที่ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งหากรวมกันทั้งเม็ดเงิน LTF และเม็ดเงินจาก TESGX ได้ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งยอมรับว่าไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ โดยในส่วนของเม็ดเงินใหม่ที่มาได้ไม่สูง มองว่าเพราะอาจยังไม่ใช่เวลาในซื้อกองทุนและส่วนใหญ่จะมีในช่วงปลายปีสำหรับรับสิทธิ์ในการลดหย่อนภาษี เนื่องจากอาจมีเงินโบนัส ที่เป็นตัวช่วย
ทั้งนี้การซื้อขายกอง TESGX เริ่มตั้งแต่ 2 พ.ค. – 30 มิ.ย. 68 โดยปัจจุบันยังไม่มีแนวคิดขยายกรอบเวลาการซื้อขายดังกล่าว เนื่องจากมองว่าแม้จะขยายเวลา ในส่วนเม็ดเงินใหม่อาจยังไม่เข้ามาอยู่ดี อีกทั้งปัจจุบันยังมีปัจจัยลบหลายประเด็น เช่น การเมืองในประเทศ สงครามทางการค้า และความขัดแย้งในตะวันออกกลาง
อย่างไรก็ตามยังมีระยะเวลาในโอน และซื้ออีกประมาณ 2 สัปดาห์ โดยหากดูในช่วงย้อนหลังที่ผ่านมา เวลาลงทุนรับสิทธิประโยชน์ภาษี เม็ดจะไหลเข้ามาในช่วงสุดท้าย ของเดือน หรือสัปดาห์สุดท้าย จึงเชื่อว่าจะมีเม็ดเงินเข้ามาเพิ่มมากขึ้น
“เรารับว่าการคาดการณ์เม็ดเงินที่โยกมาจาก LTF และเม็ดเงินใหม่ อาจพลาดเป้า ไม่รู้ว่านักลงทุนจะรอช่วงใกล้ๆ เวลาปิดการซื้อขายหรือเปล่า หรือบางทีนักลงทุนอาจมีกอง LTF หลายบลจ. จึงต้องใช้เวลาในการย้าย ส่วนเม็ดเงินใหม่มองว่า อาจเป็นช่วงไทม์มิ่งที่ไม่ใช่สิ้นปี ไม่มีโบนัส หรือเงินลงทุนใหม่ โดยเราคาดหวังว่าเม็ดเงินที่ย้ายจาก LTF จะมาในอีกช่วงที่เหลือนี้”
สำหรับการลงทุนใน TESGX ในช่วง 1 พ.ค. – 30 มิ.ย. นี้ มองว่านักลงทุนกลุ่มลงทุนระยะยาว (LTF) ที่ไม่รีบใช้เงินลงทุน ควรย้ายเม็ดเงินดังกล่าวเข้ามาลงทุนใน TESGX เนื่องจากจะได้สิทธิพิเศษเพื่อการลดหย่อนภาษี
อีกทั้งนอกจากการลงทุนยังได้ผลตอบแทนในรูปแบบส่วนต่างราคายังมีการจ่ายปันผลเข้ามา เพื่อนำเงินเข้ามาใช้จ่ายหรือต่อยอดการลงทุนเพิ่มได้ โดยความแตกต่างของ LTF คือลงทุนหุ้นไทยทั้งพอร์ต แต่ TESGX ลงทุนในสินทรัพย์ภายในประเทศตามแนวคิด ESG อย่างน้อยเพียง 65% และที่เหลือขึ้นกับแนวทางการบริหารงานของผู้บริหารกองทุน