
กรุงศรี คาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 32.60-33.30 บาทต่อดอลลาร์ คาด กนง. คงดอกเบี้ยรอบนี้ตุนกระสุนรองรับการเมืองเพิ่มความเสี่ยงขาลงของเศรษฐกิจ
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กรุงศรีมีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ (23-27 มิ.ย.) ว่าเงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 32.60-33.30 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมาเงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 32.80 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วง 32.43-32.94 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 1 เดือนจากความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ
ขณะที่เงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินสำคัญ หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คงดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกัน โดยประธานเฟดระบุว่าทั้งเศรษฐกิจและตลาดแรงงานอยู่ในภาวะแข็งแกร่ง และเฟดตั้งใจที่จะรอความชัดเจนเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายการค้าและการคลังที่ผลกระทบยังไม่แน่นอน อีกทั้งมองว่ากำแพงภาษีจะส่งผลให้เงินเฟ้อสูงขึ้น สะท้อนว่าเฟดไม่รีบที่จะกลับไปลดดอกเบี้ย
สำหรับค่ากลางประมาณการ Dot Plot ชุดใหม่บ่งชี้ว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยอีกสองครั้งในปีนี้รวม 50bps อย่างไรก็ดี รายละเอียดของ Dot Plot ที่เสียงแตกมากขึ้น แสดงให้เห็นว่าทิศทางนโยบายจะขึ้นอยู่กับพัฒนาการทางเศรษฐกิจ ส่วนธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) พยายามลดแรงกดดันต่อพันธบัตรรุ่นระยะยาว ขณะที่ธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) คงดอกเบี้ยตามคาด
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นและพันธบัตรไทยสุทธิ 9,727 ล้านบาท และ 13,367 ล้านบาท ตามลำดับ
สำหรับภาพรวมในสัปดาห์นี้ คาดว่าราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นจะหนุนค่าเงินดอลลาร์ในระยะสั้นหลังสหรัฐเข้าไปเกี่ยวข้องโดยตรงกับการสู้รบในตะวันออกกลาง
นอกจากนี้ ประธานเฟดจะแถลงต่อสภาวันที่ 24-25 มิถุนายน กรุงศรียังคงคาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้เมื่อมีสัญญาณตลาดแรงงานชะลอลงชัดเจน และผลต่อเงินเฟ้อจากภาษีนำเข้าน้อยกว่าที่กังวล อย่างไรก็ตาม ประธานเฟดระบุว่าต้นทุนพลังงานอาจสูงขึ้นจากความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ แต่ตั้งข้อสังเกตว่าช็อกด้านพลังงานมักไม่กระทบเงินเฟ้ออย่างยั่งยืน
อนึ่ง กรุงศรีมองว่าประมาณการล่าสุดของเฟดบ่งชี้ภาวะ stagflation ที่เศรษฐกิจชะลอตัวและเงินเฟ้อสูงขึ้นจะยังคงเป็นประเด็นลบต่อค่าเงินดอลลาร์ในระยะกลาง
สำหรับปัจจัยในประเทศ คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 1.75% ในการประชุมวันที่ 25 มิถุนายน แต่โทนการสื่อสารจะปูทางสำหรับการลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมในระยะข้างหน้า ขณะที่ปัจจัยการเมืองเพิ่มความเสี่ยงด้านขาลงของเศรษฐกิจ ทางด้านกระทรวงพาณิชย์รายงานมูลค่าส่งออกเดือนพฤษภาคมเติบโต 18.4% ซึ่งเป็นการเติบโตสูงสุดในรอบ 38 เดือน ส่วนยอดนำเข้าเดือนพฤษภาคมขยายตัว 18.0% ส่งผลให้ไทยเกินดุลการค้า 1.12 พันล้านดอลลาร์