
ดอลลาร์ปรับตัวอ่อนค่า หลังเฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาด ในการประชุมเดือนก.ค. ขณะที่เงินเฟ้อของสหรัฐมีแนวโน้มกลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% อย่างยั่งยืน
ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า สภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันอังคารที่ 24 มิถุนายน 2568 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (24/6) ที่ระดับ 32.74/75 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวแข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (23/6) ที่ระดับ 33.00/01 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าหลังจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ค. หลังจากมิเชล โบว์แมน สมาชิกคณะกรรมการผู้ว่าการเฟดกล่าวในงานเสวนาซึ่งจัดขึ้นที่กรุงปราก สาธารณรัฐเช็ก ว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐมีแนวโน้มกลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% อย่างยั่งยืน และเธอคาดว่านโยบายการค้ามีผลกระทบต่อเงินเฟ้อเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
นอกจากนี้ โบว์แมนกล่าวว่า หากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำ เธอจะสนับสนุนให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้า เพื่อปรับอัตราดอกเบี้ยให้เข้าใกล้ระดับที่เป็นกลาง และเพื่อพยุงตลาดแรงงานให้ยังคงแข็งแกร่ง ขณะที่ออสติน กูลส์บี ประธานเฟดสาขาชิคาโกกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า นับจนถึงขณะนี้ การปรับขึ้นภาษีศุลกากรของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้
นอกจากนี้นักลงทุนยังจับตาเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดซึ่งมีกำหนดกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันอังคาร (24/6) และจะกล่าวต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันพุธ (25/6)
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 52.8 ในเดือน มิ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 53.0 ในเดือน พ.ค.
สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเพิ่มขึ้น 0.8% สู่ระดับ 4.03 ล้านยูนิตในเดือน พ.ค.เมื่อเทียบรายเดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.95 ล้านยูนิต ส่วนเมื่อเทียบรายปี ยอดขายบ้านลดลง 0.7% ในเดือน พ.ค.
ส่วนสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางได้คลายความตึงเครียดลง หลังสำนักข่าวของอิหร่านรายงานในวันนี้ (24/6) ว่า อิหร่านและอิสราเอลได้เริ่มการหยุดยิงแล้ว หลังจากทั้งสองฝ่ายใช้ปฏิบัติการทางอากาศโจมตีกันเป็นเวลานาน 12 วัน รายงานดังกล่าวถือเป็นการยืนยันคำประกาศของประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ในช่วงเช้าที่ว่า อิสราเอลและอิหร่านได้ตกลงที่จะหยุดยิงอย่างสมบูรณ์แล้ว ซึ่งจะนำไปสู่สันติภาพที่ถาวรของทั้งสองฝ่าย
สำหรับปัจจัยภายในประเทศ วันนี้ (24/6) การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม โดยในที่ประชุม ครม.จะมีการหารือถึงสถานการณ์ไทย-กัมพูชา หลังยกระดับความเข้มข้นตามแนวชายแดน รวมทั้งมีมาตรการเปิด-ปิดด่าน ควบคุมการเข้า-ออกจุดผ่านแดน ทั้งประชาชนและยนพาหนะ ตลอดจนระงับการส่งออกสินค้าที่เกื้อหนุนต่อกิจกรรมของกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติ เช่น ไฟฟ้า น้ำมัน
ขณะที่บรรยากาศหน้าทำเนียบรัฐบาลตั้งแต่เช้านี้ เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) นำโดยนายพิชิต ไชยมงคล พร้อมมวลชนได้เดินขบวนและถือธงชาติไทย มารวมตัวกันอยู่บริเวณด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อขับไล่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สืบเนื่องจากความไม่พอใจ กรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุนเซ็น ประธานวุฒิสภากัมพูชา
ทั้งนี้ ครม.มีมติเห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยใช้วงเงินงบประมาณกว่า 1.15 แสนล้านบาท จากงบกลางวงเงิน 1.57 แสนล้านบาท นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง กล่าวว่า แผนการขับเคลื่อนจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยอาศัยการเร่งรัดการใช้จ่ายผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถดำเนินการได้ทันที ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการจ้างงานกระจายรายได้ และสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ โดยจะส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.4% (สภาพัฒน์คาด GDP ปีนี้เติบโตได้ 1.3-2.3% ค่ากลาง 1.8%)
ควบคู่ไปกับการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ผ่านการลงทุนในทุนมนุษย์และการปรับปรุงกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ให้เอื้อต่อการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เพิ่มผลิตภาพแรงงาน และวางรากฐานการพัฒนาประเทศในระยะยาว ซึ่งทุกโครงการให้เริ่มมีผลผูกพันภายใน 30 ก.ย. 68
นอกจากนี้ ยังเตรียมออกมาตรการเพื่อให้ความช่วยเหลือด้านสภาพคล่องกับผู้ประกอบการรายย่อย (SME) โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นสมาชิกกองทุนประกันสังคม วงเงิน 3 หมื่นล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME และซัพพลายเชนของผู้ประกอบการ SME ที่ได้รับผลกระทบจากการส่งออก รวมถึงโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) ซึ่งดำเนินการโดยธนาคารรัฐ วงเงิน 1-2 แสนล้านบาท
ด้านความคืบหน้าการเจรจาการค้าและภาษีกับสหรัฐ นายพิชัยกล่าวว่า ขณะนี้กำลังลงรายละเอียด แต่เบื้องต้นได้ส่งรายละเอียดไปยังผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ซึ่งทางสหรัฐกำลังพิจารณาข้อเสนอดังกล่าว ส่วนกำหนดในการเจรจาระหว่างไทยและสหรัฐที่ชัดเจนนั้น นายพิชัยกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีประเทศไหนทราบ และหาข้อยุติจากการเจรจากับสหรัฐได้อย่างจริงจัง รวมทั้งตลาดจับตาการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 3/68 ที่จะประชุมในพรุ่งนี้ (25/6)
โดยตลาดคาดการณ์ว่า กนง.จะคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 1.75% และตลาดยังคงติดตามการให้ความเห็นของ ธปท. ทั้งนี้ในระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยูในกรอบระหว่าง 32.66-32.79 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ 32.65/66 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโรเปิดตลาดเช้าวันนี้ (24/6) ที่ระดับ 1.1596/99 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ปรับตัวแข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (23/6) ที่ระดับ 1.1474/75 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร โดยวันนี้ (24/6) ผู้ผลิตโลหะในสหภาพยุโรป (EU) กำลังเรียกร้องให้สหภาพออกมาตรการเก็บภาษีส่งออกหรือจำกัดการส่งออกเศษโลหะภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อลดการส่งออกไปยังสหรัฐที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว สาเหตุจากนโยบายการค้าของรัฐบาลสหรัฐ ที่ประกาศเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียม 50% ส่งผลให้ความต้องการเศษโลหะปลอดภาษีพุ่งสูง และราคาพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง
ทั้งนี้ในระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1573-1.1622 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.1610/11 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร
สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนเปิดตลาดเช้าวันนี้ (24/6) ที่ระดับ 145.57/58 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวแข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (23/6) ที่ระดับ 147.84/85 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ วันนี้ (24/6) ทางการญี่ปุ่นได้แสดงความพอใจที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่า อิสราเอลและอิหร่านได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงโดยสมบูรณ์แล้ว
โยชิมาสะ ฮายาชิ ประธานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี กล่าวว่า ญี่ปุ่นจะติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลางต่อไปอย่างใกล้ชิด และจะใช้ความพยายามทางการทูตทุกวิถีทาง เพื่อให้แน่ใจว่ามีสันติภาพและเสถียรภาพที่แท้จริในตะวันออกกลาง ทั้งนี้ในระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 144.92-146.18 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ 145.10/11 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับปัจจัยที่สำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน มิ.ย. จาก Conference Board ของสหรัฐ (24/6), ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยรายงานการสรุปความเห็น (25/6), ยอดขายบ้านใหม่เดือน พ.ค.ของสหรัฐ (25/6), สต๊อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) (25/6), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐ (26/6), ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือน พ.ค.ของสหรัฐ (26/6), ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2568 ของสหรัฐ (26/6), ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือน พ.ค.ของสหรัฐ (27/6)
สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -8.1/-7.9 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยงภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -6/-4.7 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ