รมว.คลังยันไม่มีมาตรการกระตุ้นลงทุน-บริโภคเพิ่ม ระบุศก.ขณะนี้โตดี-เริ่มกระจายสู่ระดับล่าง

รมว.คลังยันไม่มีมาตรการกระตุ้นลงทุน-บริโภคเพิ่ม ระบุเศรษฐกิจขณะนี้โตดี-เริ่มกระจายสู่ระดับล่าง ชี้สงครามการค้าไม่ส่งผลกระทบทางลบต่อเศรษฐกิจไทย หนุนนโยบายคงอัตราดอกเบี้ยตลอดปีนี้

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยขณะนี้ ทุกสำนักก็มองว่ามีแนวโน้มขยายตัวที่ดีมาก โดยเป็นการเติบโตที่แสดงให้เห็นว่า ดีขึ้นทุกเซ็กเตอร์ จากที่หลายเดือนก่อนยังมีบางเซ็กเตอร์ยังติดลบ จึงเป็นสัญญาณที่ดีมากขึ้น ซึ่งเชื่อว่าเศรษฐกิจภายในประเทศมีความเข้มแข็งเพียงพอมากขึ้น แม้จะยังต้องพึ่งพาเศรษฐกิจภายนอกจากการส่งออกก็ตาม ขณะที่สงครามการค้าก็ยังไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย แถมจะมีผลกระทบทางบวกด้วย เนื่องจากสินค้าส่งออกของไทยส่วนใหญ่ ไม่ใช่สินค้าที่จะถูกกีดกัน
นอกจากนี้ การค้าขายของไทยกับประเทศในอาเซียน ก็ถือว่าดีมาก ซึ่งปัจจุบันประเทศอาเซียนมีการพึ่งพากันเองในแง่การส่งออกมากกว่าส่งไปประเทศใหญ่ ๆอย่างสหรัฐเหมือนอดีต ดังนั้นหากมีสงครามการค้าลุกลาม ก็เชื่อว่าประเทศอาเซียนก็จะอยู่ได้

“สงครามการค้า ตอนนี้ยังไม่มีผลกระทบอะไรกับเรา เพราะยังเป็นช่วงเริ่มต้น แต่หากที่สุดแล้วสงครามการค้าขยายวงไปทั้งโลก ก็จะส่งผลทำให้เศรษฐกิจโลกหดตัว ซึ่งก็จะทำให้การส่งออกของไทยลดลง อย่างไรก็ดี ก็มีคนมองว่า เมื่อประเทศใหญ่ ๆมีการตั้งกำแพงภาษีกันเอง ขณะที่สินค้าไทยไม่ถูกตั้งกำแพงภาษี ก็ส่งไปขายได้ อย่างเวียดนาม เขาคำนวนออกมาแล้ว เขาก็ได้ประโยชน์ มีคนมาตั้งโรงงานมากขึ้น ไทยเราก็ใกล้เคียงกัน เพราะสินค้าส่งออกของเราไม่ใช่สินค้าหลักที่จะถูกกีดกัน” นายอภิศักดิ์กล่าว

รมว.คลัง กล่าวด้วยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง ปี 2561 ก็เชื่อว่ามีแนวโน้มที่ดี และเมื่อรวมกับสิ่งที่รัฐบาลจะทำ คือการกระจายรายได้ไปสู่ระดับล่างด้วย ก็น่าจะทำให้เศรษฐกิจที่ขยายตัวส่งผลถึงประชาชนระดับล่างมากขึ้นด้วย ทั้งนี้ ในปี 2561 กระทรวงการคลังก็มองว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะโตได้ 4.5%
“เวลธ์ (ความมั่งคั่ง) ที่เราพยายามสร้างมา 3-4 ปี จะเห็นได้ชัดว่าเวลธ์ของประเทศเพิ่มขึ้นเยอะ ซึ่งสิ่งที่รัฐบาลกำลังทำขณะนี้ ก็คือทำให้เวลธ์ไหลไปสู่ข้างล่างด้วย อย่างเช่น การออกบัตรสวัสดิการ ก็เป็นความพยายามให้เงินไหลไปสู่ระดับล่าง ซึ่งบัตรสวัสดิการนอกจากช่วยค่าครองชีพประชาชนแล้ว ยังช่วยให้ร้านค้าเล็กน้อย ๆฟื้นตัวขึ้นมาด้วย บางร้านยอดขายเพิ่มขึ้น 5 เท่า 10 เท่า” รมว.คลังกล่าว

ส่วนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนั้น รมว.คลัง กล่าวว่า การจะปรับขึ้นดอกเบี้ยต้องคำนึงถึงภาวะเศรษฐกิจโดยรวม ไม่สามารถพิจารณาเฉพาะปัจจัยใดปัจจัยหนึ่ง หรือไปขึ้นตามคนอื่นคงไม่ได้ ต้องดูความจำเป็นของเศรษฐกิจในประเทศเป็นสำคัญ ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนที่ตอนนี้เงินบาทอ่อนค่าลง ก็น่าจะมีผลดีกับการส่งออก โดยเฉพาะสินค้าเกษตร ซึ่งจะทำให้ชาวไร่ชาวนา ขายของได้ราคาดีขึ้น

“ดูคร่าว ๆไม่น่าจะมีเหตุให้ดอกเบี้ยขึ้น แต่ว่าคลังคงไม่สามารถไปควบคุมหรือสั่งการเรื่องนโยบายการเงิน เพราะเป็นเรื่องธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดูแล ซึ่งเขาก็ดูแลได้ดี” รมว.คลังกล่าว และว่า ขณะนี้ไม่จำเป็นต้องมีมาตรการกระตุ้นการบริโภคหรือการลงทุนเพิ่ม เพียงแต่ต้องผลักดันหน่วยงานปฏิบัติให้ขับเคลื่อนโครงการต่าง ๆที่วางไว้ให้ได้ตามแผนเท่านั้น ก็เพียงพอ