คอลัมน์ Smart SMEs
โดย ดร.รุจิกร ภาวสุทธิไพศิฐ ทีเอ็มบี
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ดร.วิวัฒน์ กรมดิษฐ์ ผู้อยู่เบื้องหลัง “บ้านกรมดิษฐ์” บ้านสวนลอยฟ้า
การทำธุรกิจก็เหมือนการล่องเรือไปในมหาสมุทร ธุรกิจจะประสบความสำเร็จ ผู้บริหารธุรกิจต้องเก่ง ตัวผลิตภัณฑ์ต้องมีคุณภาพ ตอบโจทย์ลูกค้าเปรียบเหมือนคนขับเรือต้องมีความชำนาญ ตัวเรือเองต้องแข็งแรง และมีสมรรถภาพสูง เรือจึงจะแล่นไปได้ไกล
แต่ “ปัจจัยภายใน” อย่างเดียวก็ไม่สามารถการันตีความสำเร็จ… อาจจะมี “ปัจจัยภายนอก” ที่เราไม่สามารถควบคุมได้ เช่น วิกฤตเศรษฐกิจหรือการผันผวนของค่าเงิน มาทำให้ธุรกิจเราพังได้ในพริบตา หรือปัจจัยภายนอกส่งผลทางบวกต่อธุรกิจ ที่เหมือน “คลื่น” ที่ช่วยส่ง “เรือธุรกิจ” ของเราให้แล่นไปได้ไกล
ขณะนี้ มีปัจจัยภายนอกที่สามารถส่งผลเชิงบวกต่อธุรกิจต่าง ๆ ในวงกว้าง ปัจจัยตัวนี้ก็คือการแข่งขันบอลโลก 2018 ณ ประเทศรัสเซีย โดยผลสำรวจของนิด้าโพล พบว่า มีคนไทยเกือบ 60% ที่ติดตามชมมหกรรมลูกหนังระดับโลกในครั้งนี้ ถือเป็น “คลื่นขนาดยักษ์” แบรนด์ที่รู้จักหาจังหวะในการโต้คลื่น สามารถเกาะกระแสคลื่นยักษ์นี้ ผลักดันให้เรือธุรกิจของตนแล่นไปได้ไกล โดยที่ไม่ต้องออกแรงมาก
วันนี้ผมมีคำแนะนำสำหรับ SMEs ที่ต้องการนำกระแสบอลโลกฟีเวอร์มาใช้โปรโมตธุรกิจแบบลงทุนน้อย แต่ได้ผลตอบแทนสูงมาเล่าให้ฟัง
ก่อนอื่นเลย กลยุทธ์การตลาดหลายตัว ไม่ว่าการทำ direct marketing หรือ CRM จำเป็นที่เราจะต้องทราบ ชื่อ หรือเบอร์ติดต่อลูกค้า ซึ่ง SMEs มักจะประสบปัญหา เนื่องจากถ้าเราไปถามจากลูกค้าโดยไม่มีเหตุผล ลูกค้ามักจะไม่ยอมให้ข้อมูล ในช่วงนี้ เป็นจังหวะที่ดี ที่เราจะเกาะกระแสบอลโลก สอบถามข้อมูลลูกค้าแบบเนียน ๆ
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราทำร้านชาบู เราอาจจะจัดแคมเปญให้ลูกค้าทายว่าใครจะเป็นดาวซัลโวสูงสุด ใครทายถูก และถูกจับรางวัลได้ จะได้สิทธิ์กินชาบูฟรี จนถึงสิ้นปีนี้ ซึ่งตอนที่ลูกค้าส่งคำทาย เราจะทำการสอบถามข้อมูล ในกรณีนี้ลูกค้ามักจะยอมให้ข้อมูล เนื่องจากถ้าลูกค้าชนะทางร้านจะได้จัดส่งรางวัลได้ถูกต้อง โดยเราอาจจะมอบบัตรสะสมแต้มให้ลูกค้าไปด้วย ซึ่งเมื่อนำบัตรสะสมแต้มมาลิงก์กับข้อมูลลูกค้า จะทำให้ SMEs สามารถสร้างฐานข้อมูล big data ของตัวเอง มาวิเคราะห์ได้หมดว่า ลูกค้าคนไหนมากินชาบูบ่อยเท่าไหร่ วัน เวลาอะไร มากินกี่คน ซึ่ง SMEs สามารถนำมาใช้จัดโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขายเพิ่มเติมได้อีก
นอกจากนี้ บนโซเชียลเรายังสามารถทำการตลาดแบบเรียลไทม์ เช่น ในระหว่างแข่งขัน เราอาจจะมีการโพสต์ผ่านเพจเราว่าโรนัลโด้เพิ่งทำแฮตทริกได้ แฟนโปรตุเกสคืนนี้มากินชาบูลด 30% รวมถึงอาจจะทำโปรโมชั่นที่อิงกับผลบอล เช่น ประกาศผ่านเพจว่าถ้าอังกฤษชนะ ได้เข้ารอบ 8 ทีม พรุ่งนี้ทางร้านจะลดราคาชาบู แบบมาสองจ่ายหนึ่ง
สิ่งสำคัญต้องอย่าลืมว่า ในกรณีที่เราไม่ได้เสียค่าลิขสิทธิ์เพื่อโฆษณาบอลโลกได้อย่างเป็นทางการ เราไม่สามารถใช้โลโก้ใด ๆ ของบอลโลก หรือแม้กระทั่งกราฟิก คำว่า “ฟุตบอลโลก” มาใช้ในโฆษณาของเราได้ ทางเลี่ยงก็คือ ให้ใช้ สัญลักษณ์ ที่มีความสัมพันธ์กับบอลโลก ที่คนทั่วไปดูแล้วก็เข้าใจทันที เช่น ในเพจของเราอาจจะประดับประดาเป็นรูปธงของประเทศต่าง ๆ และอาจจะมีภาพคนเตะฟุตบอล การตลาดแบบนี้หลายคนอาจจะเรียกว่า “ambush marketing” คือแบรนด์ที่ไม่ได้เป็นสปอนเซอร์หลักของงานกีฬาใดกีฬาหนึ่ง ทำการ “ซุ่มโจมตี” แบรนด์ที่จ่ายเงินเพื่อเป็นสปอนเซอร์หลัก โดยการ “แฝงตัว” เกาะกระแสงานกีฬานั้น มาใช้โฆษณาสินค้าแบบถูกกฎหมาย
Ambush marketing เป็นกลยุทธ์หนึ่งที่เหมาะกับ SMEs เนื่องจากความสำเร็จของการทำการตลาดแบบนี้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าต้องมีเม็ดเงินจำนวนมาก แต่คนทำต้องมี “ความคิดสร้างสรรค์” ในการหา “เหลี่ยมทางการตลาด” เพื่อนำจุดเด่นของคอนเทนต์ มาสร้างจุดแข็งให้กับแบรนด์ของตน