นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวหลังประชุมหารือกับผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลัง และสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐว่า รัฐบาลนี้มีเวลาทำงานอีก 7-8 เดือนก่อนเลือกตั้ง ดังนั้นผู้บริหารทุกคนต้องทำทุกอย่างให้เป็นไปตามเป้าหมาย เช่น ด้านงบประมาณรายจ่ายประจำปีทั้งปี 2561 และ 2562 ทุกหน่วยงานต้องทำงานของตัวเองไม่ให้พลาดเป้า
และได้กำชับอธิบดีกรมสรรพากรในฐานะเป็นประธานกรรมการ บมจ.การบินไทย ให้เร่งสร้างความเข้มแข็ง เป็นสายการบินแห่งชาติที่แข่งขันได้ โดยกระทรวงการคลังพร้อมสนับสนุนทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นแผนการจัดซื้อเครื่องบิน หรืออื่น ๆ ส่วนสายการบินโลว์คอสต์ที่อยู่ในการดูแลต้องตัดสินใจให้ได้ใน 3 เดือนว่าจะหาพันธมิตรหรือมีทางออกอย่างไร รวมถึงเร่งรัดการแต่งตั้งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.การบินไทยด้วย
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- อย. เตือนอย่าซื้อผลิตภัณฑ์ CDS มาทาน อันตรายถึงชีวิต
- แห่ขายที่ดินพ่วงโรงงาน เอกชนถอดใจ-สินค้าจีนตีตลาด
ส่วนกรมศุลกากรต้องเชื่อมต่อการนำเข้าส่งออกได้อย่างไร้รอยต่อ โดยเฉพาะอำนวยความสะดวกเรื่องร้านค้าปลอดอากรในการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) พร้อมมอบหมายอธิบดีกรมศุลกากรในฐานะประธานบอร์ด ร.ฟ.ท. เร่งจัดทำทีโออาร์และประมูลโครงการ เช่น เดือนหน้ามีประมูลรถไฟเส้นทางภาคใต้ไปถึงชุมพร
นายสมคิดกล่าวว่า กรมบัญชีกลางต้องอำนวยความสะดวกการเบิกจ่าย โดยเร่งแก้ปัญหาอุปสรรคการจัดซื้อจัดจ้าง
ขณะที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐได้มอบนโยบาย โดยเน้นย้ำโครงการสนับสนุนให้คนไทยมีบ้าน และการแก้ไขปัญหาหนี้สินให้แก่เกษตรกร โดยให้เสนอแนวทางปรับโครงสร้างหนี้ให้ รมว.คลังพิจารณาภายในสิ้นเดือน ก.ค.นี้
ส่วนสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ต้องผลักดันกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ให้ขายหน่วยลงทุน ก.ย. และให้กระทรวงการคลังส่งเสริมสตาร์ตอัพฟินเทค โดยดูตัวอย่างจากโมเดลของฮ่องกง
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังกล่าวว่า แนวทางการลดภาระภาษีทางอ้อมให้ผู้มีรายได้น้อยจะทำในรูปการให้ “ส่วนลด” หรือ “เงินคืน” แก่ผู้ที่ใช้จ่ายผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งคำนวณเปอร์เซ็นต์การคืนให้ผู้มีรายได้น้อยแต่ละราย โดยนำภาระภาษีที่ซ่อนในสินค้าแต่ละชนิดมาคำนวณ
“คนที่รูดบัตรกับร้านธงฟ้า ถ้ารูดซื้อสินค้าที่มีภาษี ก็มีโอกาสได้ส่วนลด หรือเงินคืนมากกว่าคนที่รูดซื้อหมู เป็ด ไก่ ซึ่งการคืนเงินหรือให้ส่วนลดกรมบัญชีกลางรับผิดชอบดูแลงบประมาณบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไม่ใช่กรมสรรพากร เพราะไม่ถือว่าเป็นการคืนภาษี VAT ซึ่งเดิมมีแนวคิดจะคืน VAT แต่ยุ่งยาก”