คลังถกจัดโควตาออกบอนด์สั้น ชี้แนวโน้มบาทอ่อนแบงก์ชาติจ่อลดวงเงิน

ธีรัชย์ อัตนวานิช ที่ปรึกษาด้านตลาดตราสารหนี้-โฆษกสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.)

คลังถก ธปท.ขอแบ่งโควตาออกบอนด์ระยะสั้น ชี้ค่าเงินบาทอ่อนต้องออกบอนด์ระยะสั้นน้อยลง ครม.ไฟเขียว สบน.ทยอยลดวงเงินตั๋วเงินคลัง 8 หมื่นล้านบาทที่ทำเงินคงคลังโป่งทุกสิ้นปี หลังกฎหมายใหม่เพิ่มเครื่องมือบริหารกระแสเงินสด-เปิดรูมให้กู้ได้ไม่เกิน 3% ของงบประมาณประจำปี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 3 ก.ค. ได้เห็นชอบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2561 ครั้งที่ 2 ไปนั้นแผนดังกล่าวกระทรวงการคลังได้เสนอแนวทางการปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วเงินคลังวงเงิน 80,000 ล้านบาท เป็นตราสารหนี้ระยะยาวด้วย

ทั้งนี้ วงเงินการออกตั๋วเงินคลัง 80,000 ล้านบาท เป็นไปตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2548 ที่อนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินในกรณีรายจ่ายสูงกว่ารายได้ เพื่อใช้เป็นวงเงินบริหารดุลเงินสดของรัฐบาล เนื่องจากในขณะนี้รัฐบาลมีการจัดทำงบประมาณแบบสมดุล โดย ครม.ครั้งนั้นเห็นควรให้มีการลดยอดตั๋วเงินคลังในปีต่อ ๆ ไป เมื่อฐานการคลังของรัฐบาลมีดุลเงินสดเกินดุลอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปีงบประมาณ 2550 จนถึงปัจจุบัน ฐานะทางการคลังของรัฐบาลยังคงขาดดุลงบประมาณ ประกอบกับดุลเงินสดยังคงขาดดุลอย่างต่อเนื่อง กระทรวงการคลังจึงยังไม่สามารถลดยอดตั๋วเงินคลังดังกล่าวได้ และยังใช้ตั๋วเงินคลัง วงเงิน 80,000 ล้านบาท สำหรับบริหารดุลเงินสดของรัฐบาลตลอดมา ซึ่งส่งผลให้ตอนสิ้นปีงบประมาณเงินคงคลังจึงมีจำนวนมากมาทุกปี

นายธีรัชย์ อัตนวานิช ที่ปรึกษาด้านตลาดตราสารหนี้ ในฐานะโฆษกสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กล่าวว่า ปัจจุบันที่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ ซึ่งมีการให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อบริหารสภาพคล่องของเงินคงคลัง โดยกู้เป็นเงินบาทด้วยวิธีการออกตั๋วเงินคลัง อายุไม่เกิน 120 วันเมื่อมีความจำเป็นต้องรักษาสภาพคล่องของเงินคงคลัง ในวงเงินไม่เกิน 3% ของงบประมาณรายจ่ายประจำปีและงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องใช้วงเงิน 80,000 ล้านบาทดังกล่าวอีก

“เราจะทยอยแปลงตั๋วเงินคลัง 80,000 ล้านบาทดังกล่าว เป็นพันธบัตร ระยะยาวขึ้น ตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไปจะทยอยแปลงปีงบประมาณ 2561 และ 2562 ก็น่าจะทำได้ครบ” นายธีรัชย์กล่าว

นายธีรัชย์กล่าวด้วยว่า กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ด้วยว่า ในปัจจุบันเนื่องจากค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่า จึงทำให้ความจำเป็นที่ ธปท.จะต้องใช้เครื่องมือในการดูแลเสถียรภาพนโยบายการเงิน ด้วยการออกพันธบัตร ระยะสั้นอายุไม่เกิน 3 ปี (short term) ลดลงไป

“ตอนนี้ ธปท.ไม่จำเป็นต้องออกบอนด์มากแล้ว คลังอาจจะขอใช้บางส่วนเพื่อเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการหนี้เพราะตอนนี้อัตราดอกเบี้ยก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นภาครัฐก็ต้องพยายามลดการออกบอนด์ระยะยาวลง เพื่อบริหารจัดการต้นทุน”