ฟิลลิปลุยขาย “ประกันยูนิตลิงก์” ก.ค.ชง คปภ.บุกตลาดท้ายปี-เร่งปั้นตัวแทน

“ฟิลลิปประกันชีวิต” บุกตลาดยูนิตลิงก์ หลังได้รับใบอนุญาต LBDU รายที่ 10 จาก ก.ล.ต. จ่อยื่นขอแบบจาก คปภ.เดือน ก.ค.นี้ คาดทันขายแบบชำระเบี้ยรายงวดในปลายปี พร้อมเร่งปั้นตัวแทนขายยูนิตลิงก์เพิ่มร้อยคน ปักธงปี”61 เบี้ยรวม 1.5 พันล้านบาท โต 35-40%

นายชวลิต ทองรมย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส-ฝ่ายขายและ CAO บมจ.ฟิลลิปประกันชีวิต เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า บริษัทได้รับการอนุมัติคำขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์การจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ที่เป็นหน่วยลงทุน (LBDU) จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เมื่อเดือน มิ.ย. 61 ที่ผ่านมาแล้ว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมข้อมูลเอกสาร เพื่อจะออกแบบประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิตลิงก์) ซึ่งคาดว่าจะยื่นแบบประกันยูนิตลิงก์กับสำนักงาน คปภ. ภายในเดือน ก.ค. 61 และน่าจะวางขายแบบประกันใหม่นี้ทันช่วงปลายปีนี้ ซึ่งจะนับเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งที่ 10 ที่สามารถขายยูนิตลิงก์ได้

“ขณะนี้ฟีเจอร์ของโปรดักต์ใหม่ยังไม่มีความชัดเจน แต่เราศึกษาอยู่และมีความต้องการทำแบบชำระเบี้ยประกันภัยรายงวด (regular premium) แต่ในอนาคตข้างหน้าเกิดขายไม่ดี เราก็อาจจะปรับด้วยการออกโปรดักต์แบบชำระเบี้ยครั้งเดียว (single premium) โดยต้องเฝ้ารอสถานการณ์ หรือภาวะตลาดอีกที” นายชวลิตกล่าว

สำหรับช่องทางการขายจะเน้นขายผ่านตัวแทน เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าทั่วไปที่สนใจโปรดักต์การลงทุน เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีตัวแทนที่มีใบอนุญาตขายยูนิตลิงก์แล้ว 20 คน และคาดว่าในปี 2562 บริษัทจะยกระดับตัวแทนที่มีใบอนุญาตขายกองทุนเพิ่มเป็นหลักร้อยคนได้ เพราะว่าตัวแทนบริษัทใช้เวลาเรียนรู้โปรดักต์ใหม่แค่ 1-2 เดือน ประกอบกับสนับสนุนและส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป เข้ามาสอบ IC license ซึ่งน่าจะช่วยหนุนให้ยอดขายเพิ่มสูงขึ้น

ทั้งนี้ ปัจจุบัน (ณ พ.ค. 61) บริษัทมีสินทรัพย์ (พอร์ต) รวมอยู่ที่ 9.6 พันล้านบาท ซึ่งเน้นการลงทุนในหุ้นกู้และพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีขึ้นไป สัดส่วนอยู่ที่ 50% ของพอร์ตรวม ส่วนที่เหลือจะกระจายลงทุนในตลาดหุ้น, กองทุนรวม และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน โดยให้ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 6% (ตัวเลข ณ สิ้นปี”60)

“คาดว่าช่วงปลายปีนี้ ตลาดหุ้นไทยจะทะยานกลับแดนบวกได้จากสภาพเศรษฐกิจไทยและกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่เติบโตดี บริษัทจึงเลือกโอกาสวางขายโปรดักต์นี้ ซึ่งเป็นจังหวะที่เหมาะสมสำหรับลูกค้าที่ควรซื้อเก็บไว้” นายชวลิตกล่าว

Advertisment

สำหรับการขยายธุรกิจของบริษัทในปี 2561 นี้ นายชวลิตกล่าวว่า ตั้งเป้าเบี้ยรับรวมอยู่ที่ 1,500 ล้านบาท เติบโต 35-40% จากปีก่อน โดยช่วงครึ่งปีแรกทำเบี้ยรับรวมได้ราว 430 ล้านบาท เติบโต 25% ซึ่งเติบโตจากลูกค้าซื้อกรมธรรม์หลักพ่วงสัญญาเพิ่มเติมสุขภาพสูงถึง 90% ส่วนครึ่งปีหลังนี้ บริษัทมีแผนรุกตลาดประกันสุขภาพอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีทั้งขยายตลาดประกันสุขภาพเด็ก ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่มีศักยภาพเติบโตในอนาคต และขยายการขายประกันสุขภาพผ่านช่องทางออนไลน์ด้วย

ทั้งนี้ ในส่วนของประกันสุขภาพเด็ก ปัจจุบันบริษัทมีสัญญาเพิ่มเติมค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก (OPD) ของเด็ก ให้ซื้อเพิ่มได้แล้ว แม้ว่าอัตราเคลมของเด็กอายุ 0-5 ขวบ จะสูงก็ตาม ขณะที่อัตราการเคลมผู้ป่วยในของบริษัทยังไม่สูงมาก จึงยังสามารถบริหารจัดการเรื่องอัตราการเคลมโดยรวมได้ ถึงแม้ว่าปัจจุบัน คปภ.ได้ควบคุมออกมาตรการนับจำนวนเคลมสุขภาพจากเบี้ยต่อรายในแต่ละปีจะต้องไม่สูงเกินระดับ 75-80% หากสูงเกินกำหนดบริษัทประกันนั้นจะต้องมีการปรับเปลี่ยนโปรดักต์ใหม่

Advertisment

นายชวลิตกล่าวถึงช่องทางตัวแทนของบริษัทว่า เนื่องจากเมื่อต้นเดือน ก.พ. 61 ที่ผ่านมา บริษัทได้ผู้บริหารงานขายคนใหม่เข้ามาร่วมทีม และสามารถรีครูตตัวแทนใหม่เข้ามาทำงานได้มากกว่า 500 คน หนุนให้ปัจจุบันบริษัทมีตัวแทนคุณภาพทั้งสิ้น 2,500 คน ขณะที่ครึ่งปีแรก ยอดเบี้ยขายผ่านตัวแทนเติบโตมากสุด โดยมีเบี้ยใหม่เข้ามาแล้วมากกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งแตกต่างจากปีก่อน

นายทัพพ์เทพ จาตุพรพิพัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารงานขาย บมจ.ฟิลลิปประกันชีวิต กล่าวว่า จำนวนตัวแทนใหม่ทั้งหมดกว่า 500 คน อยู่ในระดับผู้อำนวยการอาวุโสบริหารงานขาย (SVP) จำนวน 5 ราย ดูแลรับผิดชอบหน่วยงานมากกว่า 300 หน่วย ซึ่งคาดว่าสิ้นปีนี้จะรีครูตตัวแทนใหม่เพิ่มเป็นเท่าตัว และมีส่วนสนับสนุนในการขายแบบประกันยูนิตลิงก์ได้ในอนาคต