นางสาวธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ภาพรวมภาวะตลาดหุ้นไทยในวันที่ (16 ก.ค.61) ดัชนีค่อนข้างซบเซาย่อตัวลงตาม Sentiment ส่วนใหญ่ในตลาดภูมิภาคที่อ่อนตัวลง โดยยังคงได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐกับจีน ส่วนปัจจัยภายในประเทศนักลงทุนมีความกังวลเรื่องมาตรฐานบัญชีฉบับใหม่ IFRS9 ที่จะตัดสินว่าจะเลื่อนหรือไม่ ซึ่งค่อนข้างกดดันหุ้นกลุ่มแบงก์พอสมควร เพราะฉะนั้นจึงเห็นแรงขายออกมาในหุ้นขนาดใหญ่หลายตัว เช่น AOT, SCB, SCC ส่งผลให้ดัชนีฯวันนี้ปิดตลาดที่ 1,627.69 จุด ลดลง 15.83 จุด หรือ -0.96% ขณะที่มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 36,583.11 ล้านบาท
สำหรับทิศทางการลงทุนในพรุ่งนี้ (17 ก.ค.61) นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป ประเมินว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยยังผันผวนอิงทางลง แกว่งไซต์เวย์ถึงไซต์เวย์ดาวน์ โดยตลาดรอลุ้นผลการประชุม กกบ.ว่าจะเลื่อนการบังคับใช้มาตรฐานบัญชีฉบับใหม่ IFRS9 ออกไปหรือไม่ รวมถึงยังคงต้องจับตาเรื่องสงครามการค้าสหรัฐกับจีน และการเจอกันของสองผู้นำระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์ และวลาดิเมียร์ ปูติน โดยให้กรอบดัชนีฯเคลื่อนไหวที่ระดับแนวรับ 1,620 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,635 จุด และ 1,640 จุด
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- “ทอง” รับข่าวร้ายดันราคาขาขึ้น บาทอ่อนค่าจ่อทะลุ 37 บาท
- แห่ขายที่ดินพ่วงโรงงาน เอกชนถอดใจ-สินค้าจีนตีตลาด
อย่างไรก็ตามแนะนำนักลงทุน “เก็งกำไร” แบบกำหนดตัวกรอบของการจำกัดพอร์ตไม่เกิน 30-40% สำหรับการเทรดดิ้ง หากเป็นกลุ่มแบงก์แนะนำตัวที่มี Earning ดีสุด คือ KTB, และตัวแบงก์ที่ให้ปั้นผลเด่น คือ KKP, ส่วนตัวที่มีสำรองต่อ NPL สูงสุด คือ BBL