กยศ.ยกกรณีศึกษา “ครูวิภา” เตรียมออกโครงการไกล่เกลี่ยหนี้ให้คุณครูที่ค้ำประกันให้ลูกศิษย์ใน ส.ค.นี้

กยศ.ยกกรณีศึกษา “ครูวิภา” เตรียมออกโครงการไกล่เกลี่ยหนี้ให้คุณครูที่ค้ำประกันให้ลูกศิษย์ใน ส.ค.นี้ เดินหน้าศึกษาตีกรอบเพดานค้ำประกันต่อราย พร้อมพิจารณาออกมาตรการปรับโครงสร้างหนี้-ยืดเวลาผ่อนชำระให้ลูกหนี้ที่มีรายได้ไม่พอรายจ่ายมากกว่า 15 ปี

นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดเผยว่า ความคืบหน้ากรณีครูวิภา บานเย็น ได้เป็นผู้ค้ำประกันให้แก่นักเรียนที่เป็นผู้กู้ยืมตั้งแต่ปี 2541-2542 จำนวน 60 ราย แต่มีลูกศิษย์ที่ค้างชำระหนี้ กยศ. ซึ่งถูกฟ้องร้องดำเนินคดี 21 รายนั้น ในจำนวนคดีที่ถูกฟ้องร้องมีการยึดทรัพย์แล้ว 4 ราย ซึ่งทั้ง 4 รายนี้ ครูวิภาได้มาชำระหนี้ในส่วนที่ค้ำประกันเรียบร้อยแล้ว และทาง กยศ. ได้ยกเลิกการบังคับคดีครูวิภาไปแล้ว ขณะที่จนถึงขณะนี้มีลูกหนี้มาชำระหนี้จนครบปิดบัญชีแล้ว 5 ราย อยู่ระหว่างผ่อนชำระ 3 ราย ส่วนอีก 9 ราย ที่เหลือกำลังทยอยติดต่อเข้ามา เชื่อว่าจะสามารถติดตามหนี้ได้ทั้งหมด โดยจะไม่มีการบังคับคดี

ทั้งนี้ ยืนยันว่า ตามกระบวนการบังคับคดีปกติ จะสืบทรัพย์ของตัวผู้กู้ก่อน เพียงแต่กรณีครูวิภานั้น สืบทรัพย์จากลูกหนี้ 4 รายแล้วยังไม่พบ ส่วนกรณีผู้ค้ำประกันรายอื่นๆ ที่มีมาร้องเรียนเพิ่มเติมนั้น จากการตรวจสอบข้อมูลจากกรมบังคับคดีและราชกิจจานุเบกษา ไม่พบข้อมูลว่าผู้ที่ร้องเรียนเข้ามาถูกศาลมีคำพิพากษาให้ล้มละลายแต่อย่างใด

อย่างไรก็ดี ทาง กยศ.เตรียมออกมาตรการมาช่วยเหลือครูที่ค้ำประกันให้ลูกศิษย์ในลักษณะเดียวกับครูวิภา โดยจะมีการเปิดโครงการไกล่เกลี่ยขึ้น ภายในเดือน ส.ค.นี้ นอกจากนี้ ทางกองทุนจะศึกษาว่า ต่อไปจะต้องกำหนดผู้ค้ำประกันแต่ละรายว่าควรค้ำประกันให้ผู้กู้ได้กี่คนด้วย

“ทางกองทุนก็เห็นใจคุณครู จึงจะมีมาตรการออกมาดูแล โดยจะขอให้ครูที่มีภาระค้ำประกันติดต่อเข้ามาที่เรา แล้วเราจะออกโครงการมาช่วยเหลือไกล่เกลี่ย ประสานว่ามีลูกหนี้กี่รายที่ครูแต่ละคนค้ำประกันให้ ซึ่งโครงการน่าจะออกมาได้ภายในเดือน ส.ค.นี้” นายชัยณรงค์กล่าว

นายชัยณรงค์กล่าวด้วยว่า ทางกองทุน ได้มีการเก็บข้อมูลอาชีพของผู้ค้ำประกันช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ระหว่างปีการศึกษา 2551-2560 มีสถิติผู้ค้ำประกันจำนวน 2,548,086 ราย แบ่งเป็น มารดาบิดา 85% ญาติพี่น้อง 14% และครูอาจารย์ 0.17%

ผู้จัดการ กยศ.กล่าวถึงความคืบหน้าความร่วมมือกับนายจ้างหักบัญชีลูกหนี้ กยศ.เพื่อชำระหนี้กองทุน ว่า ขณะนี้ได้เริ่มกับส่วนราชการบางแห่งแล้ว คือ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลัง ในเดือน ส.ค.นี้ หลังจากนั้นตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2561 เป็นต้นไป จะเริ่มหักทุกส่วนราชการ และ ปี 2562 จะเริ่มหักบัญชีจากบริษัทเอกชนที่มีจำนวนพนักงานและลูกจ้างมากๆ ก่อน อาทิ เครือซี.พี. เป็นต้น ทั้งนี้ ประเมินว่าจะมีลูกหนี้เข้าสู่ระบบการหักเงินเดือนประมาณ 1 ล้านราย

“ปัจจุบัน หนี้ขาดชำระน้อยลง เพราะคนรุ่นใหม่ตระหนักมากขึ้น โดยปัจจุบัน กยศ.ให้กู้ไปแล้ว 5 ล้านราย เป็นเงินราว 5 แสนล้านบาท ปิดบัญชีแล้วประมาณ 1 ล้านราย อยู่ในช่วงปลอดหนี้ประมาณ 1 ล้านราย ส่วนลูกหนี้ที่ถึงกำหนดชำระประมาณ 3 ล้านราย มีผิดนัดประมาณ 2 ล้านราย เพราะแค่ไม่ชำระ 1 งวด เราก็นับเป็นผิดนัดชำระ ซึ่งเราก็พยายามกันคนใหม่ไม่ให้เป็นหนี้ค้างชำระ ส่วนหนี้เก่าก็ทยอยปิดบัญชี หรือทำให้กลับมาชำระหนี้ปกติ” นายชัยณรงค์กล่าว

นอกจากนี้ กยศ. อยู่ระหว่างพิจารณา ว่าจะมีการปรับเงื่อนไขการชำระให้ลูกหนี้ที่อาจจะมีกำลังไม่พอ สามารถจ่ายคืนได้ เช่น การขยายระยะเวลาหนี้ออกไปจากเดิมกำหนด 15 ปี โดยดูความสามารถในการชำระ ซึ่งอาจจะขยายไประดับหนึ่ง แต่อายุผู้กู้ต้องไม่เกิน 60 ปี เป็นต้น

“วันนี้ เราคำนึงว่า ผู้กู้บางรายอาจจะยังมีรายได้ไม่พอ แต่จะจ่ายได้เท่าไหร่ เดี๋ยวค่อยมาคุยกัน มาปรับโครงสร้างการชำระหนี้กัน จะให้มาคุยกันเป็นรายๆไป อย่างไรก็ดี เรื่องเกณฑ์ต่างๆ ยังอยู่ระหว่างพิจารณา ซึ่งเมื่อได้ข้อสรุปเราจะมีออกมาเป็นโครงการต่อไป” ผู้จัดการ กยศ.กล่าว