ซิตี้แบงก์ตั้งเป้าขยายฐานลูกค้า“ซิตี้โกลด์” 30% ชี้นักลงทุนหน้าใหม่อายุ30ปี มาแรง

ซิตี้แบงก์ ตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าซิตี้โกลด์ปีนี้ 25-30% เผยอายุเฉลี่ยลูกค้าลดลงอยู่ที่30ปี จากเดิม40ปีขึ้นไป ตอกย้ำเทรนด์นักลงทุนหน้าใหม่เพิ่มขึ้น กล้าลงทุนตลาดต่างประเทศที่มีทางเลือกหลากหลาย เชื่อครึ่งปีหลังตลาดยังคงผันผวน แนะให้กระจายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ

นางวีระอนงค์ จิระนคร ภู่ตระกูล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบุคคลธนกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย กล่าวว่า ในช่วงปีที่ผ่านมา จำนวนลูกค้าทั่วโลกที่เป็นกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ (High Net Worth) มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 9.7% ในขณะที่ทวีปเอเชีย-แปซิฟิก เติบโตอยู่ที่ 12% ทำให้ในปีนี้ ธนาคารตั้งเป้าหมายว่าจะขยายฐานลูกค้าของซิตี้โกลด์ให้ได้ 25-30% จากปีที่แล้วที่โตราว 30% โดยปัจจัยหลักที่จะสนับสนุนให้ฐานลูกค้าขยายตัวขึ้น เนื่องจากตลาดมีการเปลี่ยนแปลงตลอด ทั้งยังมีเครื่องมือในการลงทุนต่างๆที่หลากหลาย เพื่อรองรับความเสี่ยงที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และแต่ละช่วงเวลาก็เป็นความเสี่ยงที่แตกต่างกันไป

นอกจากนี้ นางวีระอนงค์ยังมองว่าปัจจุบัน กระแสของนักลงทุนหน้าใหม่ได้เริ่มเข้ามาเรื่อยๆ ซึ่งเดิมอายุของลูกค้าซิตี้โกลด์จะอยู่ที่ 40 ปีขึ้นไป ในขณะที่ปัจจุบันอยู่ที่ 30 ปีขึ้นไป เนื่องจากคนรุ่นใหม่เริ่มมีความรู้ทางด้านการเงิน และให้ความสำคัญกับการวางแผนการเงินมากขึ้น และในด้านการลงทุน ปัจจุบันลูกค้ามีความสนใจและคุ้นชินกับการลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นได้จากกลุ่มลูกค้าของซิตี้โกลด์เกือบ 50% เน้นการลงทุนต่างประเทศ เนื่องจากมีทางเลือกมากและตอบโจทย์เป้าหมายที่ต้องการ

“หนึ่งในบริการที่โดดเด่นของซิตี้แบงก์คือ “ซิตี้โกลด์” บริการการบริหารความมั่งคั่ง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มุ่งเน้นการจัดการความมั่งคั่งอย่างชาญฉลาด ผ่านประสบการณ์การดูแลพอร์ตจากทีมที่ปรึกษาด้านการลงทุนและผู้จัดการดูแลบัญชี นอกจากนี้ยังได้ออกแบบบริการย่อยผ่านบริการแบบดิจิทัลต่างๆ อาทิ ระบบโทเทิล เวลท์ แอดไวเซอร์ (Total Wealth Advisor) ซึ่งช่วยในการตั้งเป้าหมายในการลงทุน ระบบซิตี้ ฟันด์ เอ็กซ์พลอเรอร์ (Citi Fund Explorer) ช่วยในการดูข้อมูลการลงทุน อย่างไรก็ตาม ซิตี้แบงก์ ยังคงมุ่งเน้นในด้านการนำนวัตกรรมใหม่ๆมาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ เพื่อตอบสนองให้ทันและตรงความต้องการของลูกค้าทั้งเก่าและใหม่ที่มีเพิ่มมากขึ้น” นางวีระอนงค์กล่าว

ด้านนายดอน จรรย์ศุภรินทร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบุคคลธนกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย กล่าวว่า 4 บริการบริหารความมั่งคั่งล่าสุดจากซิตี้โกลด์ เป็นเสมือนเครื่องมือ ในการสร้างความมั่งคั่ง (Wealth management solution) ให้แก่ลูกค้าซิตี้โกลด์ โดยสถาบันการเงินที่มีความน่าเชื่อถือระดับโลก ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการในการเข้าถึงการลงทุนทั่วโลกและเป้าหมายต่างๆในการบริหารการลงทุนของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม ในปี 2561

โดยมีกลยุทธ์หลัก คือ 4 บริการล่าสุด ได้แก่ บริการแรกคือ Advisory เป็นการให้คำปรึกษาในด้านการลงทุนตามเป้าหมายและความสามารถในการยอมรับความเสี่ยงของลูกค้า โดยใช้เครื่องมือที่ทันสมัยมาช่วยวางแผนและบริหารการลงทุน อย่าง Total Wealth Advisor (TWA) เครื่องมือวางแผนทางการเงินตามเป้าหมาย และ Citgold Diversification Index (CDI) ตัวชี้วัดระดับการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าสามารถเห็นพอร์ตการลงทุนและมั่นใจได้ว่าการลงทุนมีการกระจายความเสี่ยงอย่างดีที่สุด โดยซิตี้โกลด์ได้ให้ลูกค้าเลือกลงทุนในกองทุนรวมทั้งในประเทศและต่างประเทศกว่า 16 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนชั้นนำ รวมทั้งตราสารหนี้ของ 50 บริษัทชั้นนำทั่วโลก โดยทุกไตรมาส ธนาคารจะพูดคุยเรื่องพอร์ตโฟลิโอกับลูกค้าเพื่อให้ได้พอร์ตที่เหมาะสมตรงตามเป้าหมายที่ต้องการ บริการที่สองคือ Insights คือการให้ข้อมูลเชิงลึกและทันต่อช่วงเวลาที่ลูกค้าต้องการตัดสินใจลงทุน ซึ่งได้รับการประมวลข้อมูลวิเคราะห์ตลาดจากนักวิเคราะห์ที่มีอยู่มากกว่า 400 คนทั่วโลก

บริการที่สามคือ Team เป็นกลุ่มของบุคลากรทั้งที่ปรึกษาด้านการลงทุนและเจ้าหน้าที่ดูแลบัญชีสำหรับลูกค้าแต่ละบุคคล ที่มีความเชี่ยวชาญและสามารถแนะนำการลงทุนแก่ลูกค้าได้อย่างดีที่สุด เนื่องจากจะต้องจบหลักสูตรจากมหาวิทยาลัย Wharton ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในด้านการพัฒนาบุคคลเพื่อมาเป็นนักลงทุน และบริการที่สี่คือ Privileges and Offers คือสิทธิพิเศษเฉพาะสำหรับลูกค้าซิตี้โกลด์เท่านั้น เช่น การเป็นสมาชิกบัตร Citi Prestige โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมรายปี หรือบริการรถลีมูซีน ในกว่า 30 เมืองในอเมริกาและยุโรป นอกจากนี้ ลูกค้าซิตี้โกลด์จะได้อภิสิทธิ์ในการรับรับบริการต่างๆจากศูนย์บริการซิตี้โกลด์และใช้บริการเครือข่ายของซิตี้แบงก์ได้ทั่วโลก

นายดอน ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงครึ่งปีหลังมองว่าตลาดยังคงมีความผันผวนยังคงมีต่อเนื่องจากทั้งปัจจัยเรื่องสงครามการค้าและการขึ้นดอกเบี้ย ต้องรอติดตามต่อไป โดยในการลงทุนก็แนะนำให้ลูกค้ากระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์หลากหลายภูมิภาคเพราะการบริหารการการลงทุนไปในสินทรัพย์ทั้งในและต่างประเทศได้ดีก็จะทำให้มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังแนะนำให้ลงทุนในกองทุนรวมผสม (Multi Asset) เพิ่มขึ้น หรืออาจจะดูบางหมวดการลงทุนที่ได้รับผลประโยชน์จากเหตุการณ์ต่างๆ เช่น การขึ้นดอกเบี้ย ก็อาจจะลงในหมวดการเงิน (Financial Sector) ทั้งนี้นายดอนเผยว่ายังเน้นความสำคัญไปยังภูมิภาคเอเชียอยู่ เนื่องจากมองว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจยังน่าสนใจอยู่