สภาพัฒน์ชง ครม.สัญจรปั้น”SEC”พัฒนาศก.ใต้ เริ่มต้นโฟกัส”ชุมพร-ระนอง”บูมท่องเที่ยว-หนุนอุตฯไบโอเคมีคอลจากน้ำมันปาล์ม

สภาพัฒน์ชง ครม.สัญจรปั้น”SEC”พัฒนาเศรษฐกิจใต้ เริ่มต้นโฟกัสที่ “ชุมพร-ระนอง” บูมท่องเที่ยว-หนุนอุตสาหกรรมไบโอเคมีคอลจากน้ำมันปาล์ม

นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า สศช. กำลังจัดทำแผนพัฒนาภาคใต้ ซึ่งอาจจะสามารถพัฒนาออกมาเป็น “ระเบียงพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้” หรือ SEC ได้แค่ไหน อย่างไรก็ดี ในการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ระหว่างวันที่ 20-21 ส.ค.นี้ ที่จังหวัดชุมพร-ระนอง จะมีการเสนอแนวทางพัฒนาเศรษฐกิจในส่วนของจังหวัดชุมพร-ระนองก่อน เนื่องจากที่ผ่านมายังพัฒนาน้อย โดยจะมุ่งเน้นส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ปาล์มน้ำมันเป็นหลัก

ขณะเดียวกันเมื่อมองสภาพเศรษฐกิจภาคใต้ที่ผ่านมา ตัวที่สร้างรายได้คือ การท่องเที่ยวกับสินค้าเกษตร แต่ขณะนี้สินค้าเกษตรก็ราคาไม่ดีนัก ส่วนการท่องเที่ยวก็จะกระจุกตัวอย่างช่วงภาคใต้ตอนกลางฝั่งทะเลอันดามัน ขณะที่จังหวัดชุมพร-ระนอง มักจะเป็นทางผ่าน

“ตอนนี้ระนองก็เริ่มมีคนเข้าไปเที่ยว และออกไปเที่ยวเกาะของเมียนมา ซึ่งหากเชื่อมโยงกับแผนโปรโมตการท่องเที่ยวของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ก็จะดี ขณะที่ท่าเรือที่ระนอง ทางกระทรวงคมนาคมก็การศึกษาจะทำทางรถไฟเชื่อมจากชุมพรไประนอง ถ้าออกมาได้เร็ว ก็อาจจะมีการใช้งาน ก็จะช่วยลดความเสี่ยงของประตูออกฝั่งตะวันตกของเราลงไปได้” นายทศพรกล่าว

นอกจากนี้ ในส่วนของปาล์มน้ำมันที่ปลูกกันมากที่ภาคใต้ตอนกลางนั้น ก็อาจจะส่งเสริมให้มีการวิจัยเพื่อตั้งเขตอุตสาหกรรมไบโอเคมีคอลขึ้น เน้นแปรรูป สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่น้ำมันปาล์มได้มากขึ้น เนื่องจากผลผลิตในแถบจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช กระบี่ ชุมพร มีผลผลิตรวมกันประมาณ 12 ล้านตัน/ปี จึงน่าจะมีศักยภาพ

“ทั้งหมดนี้ จะเสนอใน ครม.สัญจร ถ้าได้รับการเห็นชอบ ก็จะจัดทำเป็นแผนแม่บทช่วงปี 2561-2565 เลย ซึ่งเศรษฐกิจภาคใต้จะบูมขึ้นได้มาก” นายทศพรกล่าว

นายทศพรกล่าวอีกว่า ในส่วนของยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีนั้น ขณะนี้ร่างแผนยุทธศาสตร์ชาติฯ ผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แล้ว โดยหลังจากนี้ต้องรีบทำแผนแม่บท โดยจะนำ 6 ยุทธศาสตร์ชาติมาแตกย่อยเป็นแผนแม่บทด้านต่างๆ รวมแล้วทั้งหมดจะมี 37 ฉบับ ที่จะใช้ช่วง 5 ปีแรก (ปี 2561-2565) ทั้งนี้ จะมีการเปิดแคมป์ทำแผนระหว่างวันที่ 14-16 ส.ค.นี้ ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ โดยน่าจะเสร็จในเวลาประมาณ 2 เดือน เนื่องจากต้องเร่งให้ทันส่งคำของบประมาณประจำปี 2563 ในเดือน ธ.ค.นี้