ไทยพาณิชย์ รอจังหวะขึ้นดอกเบี้ยกู้ลูกค้าเอสเอ็มอี ล้อตามกระแส ธปท. พร้อมเร่งพัฒนาดิจิทัลเลนดิ้ง หวังดึงลูกค้าเข้าระบบ

แบงก์ไทยพาณิชย์ รอจังหวะขึ้นดอกเบี้ยกู้ลูกค้าเอสเอ็มอี ล้อตามกระแส ธปท. พร้อมระบุปีนี้ ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่กลุ่มเอสเอ็มอี โต 7% เตรียมพัฒนาดิจิทัล เลนดิ้ง หวังดึงลูกค้าเข้าระบบเพิ่ม พร้อมเปิดให้บริการเดือน ก.ย.นี้

นางพิกุล ศรีมหันต์ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ผู้บริหารสูงสุด SME Segment ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีการส่งสัญญาณว่ามีโอกาสที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย น่าจะเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยที่ดูจากสภาพทางการเงินภายในประเทศตามความเหมาะสม และหากธปท. มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยจริง แบงก์ก็จำเป็นต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยตามเช่นกัน แต่เชื่อว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะไม่กระทบหรือเป็นภาระต้นทุนต่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอี

สำหรับสินเชื่อเอสเอ็มอีช่วงครึ่งปี ธนาคารได้ปล่อยใหม่เพิ่มขึ้น3% จากเป้าหมายปีนี้ยอดปล่อยกู้ใหม่เพิ่มขึ้น7%

ส่วนยอดสินเชื่อคงค้างเอสเอ็มอีของธนาคารในปัจจุบันอยู่ที่ 340,000 ล้านบาท โดยเติบโตมาจากสินเชื่อกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว อยู่ที่ 17,000 ล้านบาท คิดเป็น 5% ของพอร์ตสินเชื่อเอสเอ็มอี

“เราคาดว่าครึ่งปีหลังของปี61 จะมีสินเชื่อที่เติบโตมาจากกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอีก 1 เท่า อยู่ที่ 34,000 ล้านบาท คิดเป็น 10%ของพอร์ตเอสเอ็มอี “นางพิกุลกล่าว

โดยปัจจุบันมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล)คงที่ อยู่ในระดับ 8.25% โดยคาดว่าสิ้นปี 61 จะรักษาระดับเอ็นพีแอลไม่เกิน 8.5%

นางพิกุล กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 61 แบงก์อยู่ระหว่างการพัฒนา แอพลิเคชั่นการขอสินเชื่อบนออนไลน์ (ดิจิทัล เลนดิ้ง) เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบเอสเอ็มอีที่อยู่นอกระบบเข้ามาอยู่ในระบบและสามารถทำยอดขายได้มากขึ้น โดยเฉพาะผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวที่มักได้รับผลกระทบมากกว่าธุรกิจกลุ่มอื่น คาดว่าสามารถเปิดให้บริการได้เดือน ก.ย.นี้

นอกจากนี้ ทางแบงก์จึงจับมือกับ4หน่วยงาน ประกอบด้วยกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย,การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.),กูเกิล ไทยแลนด์ และ ไซต์ไมรเดอร์ ผู้นำด้านการตลาดออนไลน์ เพื่อช่วยขับเคลื่อนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถเติบโตและพัฒนาศักยภาพอย่างยั่งยืน โดยนำร่องกลุ่มอุตสาหกรรมโรงแรมขนาดกลางและขนาดเล็กผ่านโครงการ “รวมพลังตัวจริงหนุนเอสเอ็มอี-ชี้ทางรอดธุรกิจโรงแรม” เนื่องจากกลุ่มธุรกิจโรงแรมขนาดกลางและขนาดเล็ก เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีโอกาสเติบโตสูง เนื่องจากการท่องเที่ยวที่ยังคงเป็นแหล่งที่มารายได้หลักของประเทศในปัจจุบัน ซึ่งเห็นได้จากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและแผนการตลาดจาก ททท.ที่มุ่งเน้นส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวสู่เมืองรองมากขึ้น

“รูปแบบโรงแรมที่พักในปัจจุบันและแนวโน้มที่นักท่องเที่ยวมองหาคงไม่ใช่โรงแรมขนาดใหญ่เพียงอย่างเดียว แต่เป็นโรงแรมที่สามารถสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างและทำให้รู้สึกเข้าถึงและเป็นส่วนหนึ่งของสถานที่ต่างๆได้น่าประทับใจ ทำให้ธุรกิจโรงแรมกลายเป็นจุดขายที่มีเอกลักษณ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เราจึงเห็นความสำคัญแก่ผู้ประกอบกลุ่มนี้เป็นหลัก” นางพิกุล กล่าว