สัญญาณเฟดขึ้นดอกเบี้ย ก.ย.ฉุด “ทองคำ”

คอลัมน์ สถานีลงทุน

โดย ธนรัชต์ พสวงศ์ ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส

ราคาทองคำในเดือนสิงหาคมปรับลงแรงทำจุดต่ำสุดในรอบ 19 เดือนสำหรับราคาทองคำ spot ที่ 1,160 ดอลลาร์ และทำจุดต่ำสุดในรอบ 31 เดือนสำหรับราคาทองแท่งในประเทศที่ 18,550 บาท โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ

ทั้งนี้เฟดได้ส่งสัญญาณการเดินหน้าปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน รวมถึงความวิตกกังวลในสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ทวีความรุนแรงขึ้นนั้น ส่งผลให้เงินหยวนอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากคาดว่าเศรษฐกิจจีนจะได้รับผลกระทบทางลบ

นอกจากนี้ค่าเงินตุรกีอ่อนค่าลงอย่างหนัก ด้วยพื้นฐานทางเศรษฐกิจตุรกีเอง ประกอบกับสหรัฐได้เพิ่มอัตราภาษีสินค้าเหล็กและอะลูมิเนียมที่นำเข้าจากตุรกีขึ้นอีก 2 เท่า โดยอัตราภาษีนำเข้าเหล็กจะอยู่ที่ 50% และอะลูมิเนียมอยู่ที่ 20%

ประชุมเฟดเดือน ก.ย.ฉุดทองคำ

สำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดนั้น คาดว่าจะเกิดขึ้นในการประชุมครั้งถัดไปในเดือนกันยายน หลังจากที่เฟดได้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมีนาคมและเดือนมิถุนายน ทางด้านข้อมูล CME GROUP พบว่า นักลงทุนคาดว่าโอกาสที่เฟดจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายนอีก 0.25% มาสู่ระดับ 2.00%-2.25% มีโอกาสถึง 93% และเฟดจะมีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมเดือนธันวาคม ซึ่งรวมเป็น 4 ครั้งในปีนี้

เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวในทิศทางที่ดีขึ้นกว่าเฟดประเมินไว้ และตลาดแรงงานยังมีความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่อัตราเงินเฟ้ออยู่ระดับใกล้ระดับอัตราเป้าหมายที่ 2% ของเฟด ทำให้เฟดยังคงเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป

อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องจับตามองตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญที่จะมีการประกาศในเดือนกันยายน ทั้งนี้หากตัวเลขดังกล่าวออกมาดีก็เป็นแรงสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ได้ และส่งผลแรงขายทองคำออกมา

สงครามการค้าป่วนตลาดเงิน

ขณะที่สงครามการค้ายังคงยืดเยื้อและร้อนระอุอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากที่สหรัฐได้เป็นฝ่ายที่เริ่มเก็บภาษีจากสินค้าจีนที่มีมูลค่ารวม 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งทำให้อีกฝ่ายหนึ่งตอบโต้ด้วยมาตรการเดียวกัน จนกลายเป็นเหตุผลที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศจะปรับเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าให้สูงขึ้นเป็น 25% สำหรับสินค้าจีนอีก 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ จากเดิมที่จะเรียกเก็บ 10% ทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น กดดันราคาทองคำอย่างต่อเนื่อง

โดยมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐนับว่าเป็นมาตรการครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ที่ได้สร้างความปั่นป่วนต่อตลาดการเงินอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดสหรัฐได้เพิ่มอัตราภาษีต่อเหล็กและอะลูมิเนียมที่นำเข้าจากตุรกีขึ้นอีก 2 เท่า ส่งผลให้ค่าเงินตุรกีอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ประเทศในยุโรปที่ได้มีการทำการค้าของตุรกีได้รับผลกระทบเช่นกัน ค่าเงินสกุลยูโรอ่อนค่าลงตามค่าเงินตุรกี ทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว

ซึ่งประเด็นนี้เองได้สร้างความวิตกกังวลต่อนักลงทุนมากขึ้นว่าจะเกิด “วิกฤตไก่งวง” หรือ “turkey crisis” ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการขยายเป็นวงกว้าง ก่อนหน้านี้ค่าเงินลีราของตุรกีได้ทรุดตัวตั้งแต่ปีที่ผ่านมา และอ่อนค่าลงมากกว่า 45% ในปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจของตุรกี หลังจากที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องหลายปี จนเริ่มส่งสัญญาณของความอ่อนแอของเศรษฐกิจ หลังจากที่อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูง การขาดดุลบัญชีเดินสะพัด เนื่องจากรัฐบาลตุรกีใช้งบประมาณในการกระตุ้นเศรษฐกิจสูง และได้มีการแทรกแซงนโยบายการเงินธนาคารกลาง

ผลกระทบจากการปรับเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากตุรกีนั้น คาดว่าจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อตุรกี เนื่องจากตุรกีเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่อันดับ 8 ของโลก และเป็นตลาดนำเข้าเหล็กรายใหญ่อันดับ 7 ของสหรัฐ นอกจากนี้ สหรัฐเป็นตลาดส่งออกเหล็กที่ใหญ่ที่สุดของตุรกี ด้วยยอดส่งออก 11% ของทั้งหมด จากเดิมพื้นฐานเศรษฐกิจที่มีความอ่อนแออยู่แล้ว ทำให้ค่าเงิน “ลีรา” ดิ่งลงหนักไปอีก ส่งผลกระทบต่อบริษัทของตุรกีที่ต้องชำระหนี้ในสกุลเงินต่างประเทศ มูลค่ามากกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์ เนื่องจากตุรกีพึ่งพาการนำเข้าพลังงานอย่างมาก ส่งผลให้ผู้บริโภคต้องเผชิญกับราคาสินค้าและบริการปรับตัวขึ้นในอนาคต

อย่างไรก็ดี ธนาคารกลางตุรกีได้มีการประกาศปรับลดสัดส่วนการกันสำรองสกุลลีราของธนาคารพาณิชย์ 2.50% การอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินในประเทศ ในขณะเดียวกันรัฐบาลตุรกีเรียกร้องชาวตุรกีให้แปลงสกุลเงินดอลลาร์เป็นลีราเพื่อพยุงค่าเงินของประเทศ ถึงแม้ว่ารัฐบาลตุรกีจะสามารถจัดการวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ได้หลายครั้ง แต่ท่ามกลางเศรษฐกิจที่เปราะบางสะสม หากครั้งนี้รัฐบาลตุรกีไม่สามารถจัดการปัญหาดังกล่าวได้ อาจส่งผลลุกลามขยายวงกว้าง ในเวลานั้นทองคำจะกลับมา

ส่วนราคาทองคำที่ปรับลงมาจนอยู่ที่ระดับที่ต่ำสุดในรอบ 31 เดือนอาจเป็นจังหวะให้นักลงทุนเข้า “ทยอยสะสม” โดยมีแนวรับในการเข้าซื้อที่ 1,170 ดอลลาร์ และ 1,150 ดอลลาร์