SET แกว่งตัวกรอบแคบ นลท.จับตาถ้อยแถลงประธานเฟดในการประชุม Jackson Hole

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการนักกลยุทธ์การลงทุนฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเฮ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ภาพรวมภาวะตลาดหุ้นไทยในวันที่ (24 ส.ค.61) ดัชนีค่อนข้างแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบ โดยปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบางปิดตลาดวอลุ่มอยู่ที่ 3.2 หมื่นล้านบาท หลักๆ ช่วงสั้นตลาดยังคงแกว่งตัวรอผลการประชุม Jackson Hole ซึ่งรอบนี้คงต้องจับตาถ้อยแถลงของประธานเฟดและผู้นำธนาคารกลางเยอรมัน โดยคาดว่า “เจอโรม โพเวลล์” ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะพูดเกี่ยวกับนโยบายการเงินและเทรนด์ดอกเบี้ยมากขึ้น เพราะล่าสุด “ทรัมป์” ไม่อยากที่จะให้เฟดเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยนัก เพราะกลัวจะกระทบต่อการลดการขาดดุลการค้าของสหรัฐ ทำให้ตลาดต้องจับตาถ้อยแถลงเจอโรม โพเวลล์ ว่าจะออกมาในรูปแบบไหน ขณะที่ผู้นำธนาคารกลางเยอรมันที่คาดว่าจะพูดเกี่ยวกับกรณี Brexit และประเด็นการค้าโลกที่ส่งผลกระทบทำให้เศรษฐกิจในยุโรปสะเทือนได้

ทำให้วันนี้ตลาดแกว่งตัวในกรอบแคบมากๆ ปิดตลาดที่ 1,703.82 จุด ลดลง 0.98 จุด หรือ -0.06% ขณะที่มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 32,756.19 ล้านบาท แต่ข้อดีที่ตลาดหุ้นไทยไม่หลุด 1,700 จุด เนื่องจากมีแรงเก็งกำไรค่อนข้างมากเพียงแต่กรอบด้านบนที่นักลงทุนมองเส้น 200 วันที่ 1,706 จุด ดัชนีตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ขึ้นไปทดสอบแต่ไม่เคยยืนได้เลย แต่เชื่อว่าสัปดาห์หน้า (27-31 ส.ค.61) แนวโน้มการเก็งกำไรน่าจะแกว่งตัวขึ้นได้ เนื่องจากได้รับปัจจัยในประเทศจากการจัดงาน Thailand Focus 2018 :The Future is Now ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29-31 ส.ค.61 ณ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ โดยมองกรอบดัชนีเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแนวรับที่ 1,690-1,680 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,720 จุด หาห SET ไม่หลุด 1,680 จุด ถือว่าภาพของการปรับฐานบริเวณโซนนี้ยังไม่เสียอะไร แต่ถ้าหลุดระดับดังกล่าวนักลงทุนต้องเริ่มพิจารณาล็อกบ้าง เพราะว่าภาพ Sentiment ในการรีบาวน์เริ่มไม่ค่อยจะดีแล้ว

อย่างไรก็ดีกลยุทธ์การลงทุนหากดัชนีย่อตัวลงมา ตั้งรับหุ้นที่ได้รับผลบวกจากเศรษฐกิจภายในประเทศ ในธีม Domestic Play ได้แก่ SCB, GFPT, BJC, AMATA, STEC แต่สำหรับนักลงทุนที่ชอบหุ้น Global Play แนะนำ PTTEP ซึ่งเป็นหุ้นกลุ่ม BIG CAP ที่สัปดาห์มีโอกาส Outperform ได้โดยประเด็น Thailand Focus 2018 จะช่วยหนุนให้แรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติเข้ามาเพิ่มเติมทำให้ยอดซื้อในกลุ่มหุ้นเหล่านี้ครึ่งปีหลังน่าจะเติบโตดี