SCBAM ลุย 3 ปีกองทุนโต 20% ผูกแอปแม่เพิ่มฐานรายย่อย

บลจ.ไทยพาณิชย์กางแผน 3 ปีปั๊มยอดสินทรัพย์บริหารโต 15-20% ปักธงขยายฐานะลูกค้าพุ่ง 1.5 ล้านราย ชูช่องทาง SCB Easy จับรายย่อย พัฒนา “คอนเทนต์-ดาต้า” หนุนจัดพอร์ตภายในสิ้นปี ชี้ครึ่งปีหลังตลาดหุ้นผันผวนขาขึ้น คาดดัชนีแตะ 1,800 จุด

นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBAM) ซึ่งเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งและเปิดตัวแถลงข่าวเป็นครั้งแรก เปิดเผยว่า บริษัทได้วางเป้าหมายดำเนินงานในระยะ 3 ปีข้างหน้า มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การจัดการ (AUM) เติบโต 15-20% จากปัจจุบัน (30 มิ.ย. 61) AUM อยู่ที่ 1.42 ล้านล้านบาท ซึ่งยังคงอันดับ 1 ในอุตสาหกรรมด้วยมาร์เก็ตแชร์ที่ 20.60% ซึ่งหลัก ๆ จะเพิ่มขึ้นจากกองทุนรวม (ไม่นับรวมกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน) ซึ่งมีเป้าหมายจะขึ้นมาอยู่ที่ 1.1 ล้านล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 7 แสนล้านบาท

ส่วนแผนขยายฐานลูกค้าภายใน 3 ปี จะมีลูกค้าเพิ่มเป็น 1.5 ล้านราย จากปัจจุบันอยู่ที่กว่า 8 แสนราย โดยจะมาจากช่องทางดิจิทัลบนแอปพลิเคชั่น SCB Easy สัดส่วนมากถึง 70-80% ซึ่งขณะนี้บริษัทกำลังอยู่ระหว่างพัฒนาคอนเทนต์และดาต้าที่จะนำมาใช้วิเคราะห์กองทุน รวมไปถึงการลงทุนในต่างประเทศ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการลงทุนให้ลูกค้า ทั้งความสามารถในการทำธุรกรรม (transaction) และปรับพอร์ตให้สมดุล (re-balancing) ได้เอง ซึ่งคาดว่าจะเป็นรูปธรรมได้ภายในปีนี้

“เราจะเพิ่มสัดส่วนการแนะนำลงทุนให้กับลูกค้า โดยเพิ่มสัดส่วนกองทุนเชิง active จาก 30% เป็น 50% จะขึ้นอยู่กับระดับความเสี่ยงลูกค้าแต่ละราย ซึ่งสามารถที่จะโยกย้ายได้ จากปัจจุบันค่อนข้างคอนเซอร์เวทีฟเพราะสัดส่วนลงทุนในตราสารหนี้ 70% ที่เหลืออีก 30% เป็นกองทุนหุ้น, กองทุนต่างประเทศ และอื่น ๆ” นายณรงศักดิ์กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทยังได้ปรับภายในให้พนักงานมาทำหน้าที่บริหารกองทุน-พบปะลูกค้าประมาณ 75% ของพนักงานทั้งหมด ส่วนที่เหลือจะเป็นพนักงานด้านปฏิบัติการ (operation) เพราะจะใช้เทคโนโลยีดำเนินงานระบบหลังบ้าน (back office) แทน เพื่อช่วยลดต้นทุนบริการให้เหลือ 20% จากปัจจุบัน 31.5%

สำหรับภาพรวมการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังนี้ นายณรงศักดิ์กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสปรับตัวผันผวนในขาขึ้นต่อเนื่อง โดยให้เป้าหมายดัชนีสิ้นปีที่ระดับ 1,800 จุด โดยกลุ่มธนาคารยังน่าสนใจ เนื่องจากราคาหุ้นที่ยังต่ำ กลุ่มอุปโภคบริโภคที่เติบโตสอดรับทิศทางเศรษฐกิจไทย และกลุ่มหุ้น IPO

“เรามองว่าหุ้นไทยครึ่งปีหลังยัง outperform และมีโอกาสฟื้นตัว ไม่ติดลบเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นเกิดใหม่และตลาดในเอเชีย แม้ว่าครึ่งปีแรกจะประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจต่างประเทศ คอยกดดันจนติดลบไปราว 10% แต่ยังน้อยกว่าประเทศอื่น ๆ ในเอเชียที่ร่วงลงกว่า 30-40%” นายณรงศักดิ์กล่าว

ขณะที่ตลาดตราสารหนี้ควรเน้นลงทุนระยะสั้น เนื่องจากผลตอบแทนตราสารหนี้โลกยังคงมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น จากแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินที่ตึงตัวต่อเนื่อง ขณะที่ผลตอบแทนจากการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลโลกยังไม่น่าจูงใจเมื่อเทียบกับตราสารหนี้ไทย เนื่องจากมีต้นทุนในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนค่อนข้างสูง

ส่วนปัจจัยเสี่ยง คือ การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอลงจากมาตรการภาษีการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะกับจีนและอาจขยายวงกว้างไปสู่ประเทศคู่ค้าอื่น ๆ เช่น ยุโรป เป็นต้น