ครม. ไฟเขียวเติมเงินรายเดือน 100-200 บ. เข้าบัตรสวัสดิการฯ เริ่มใช้เดือน ก.ย.-ธ.ค. 61

แฟ้มภาพ

ครม. ไฟเขียวเติมเงินรายเดือน 100-200 บ. เข้าบัตรสวัสดิการฯ เริ่มใช้เดือน ก.ย. – ธ.ค. 61 เตรียมหารือ กสทช. ดันโครงการอินเทอร์เน็ตผู้มีรายได้น้อย

ครม.เห็นชอบเติมเงินรายเดือน 100-200 บ./คน/เดือน เข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ ให้กลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการรัฐ สามารถถอนเป็นเงินสดได้ หวังช่วยบรรเทาปัญหาค่าครองชีพให้กับผู้มีสิทธิ สิ้นสุด ก.ย.-ธ.ค.นี้ เตรียมหารือ กสทช.ดันโครงการอินเทอร์เน็ตผู้มีรายได้น้อย หวังให้ผู้มีรายได้น้อยรับรู้ข่าวสารง่ายได้ง่ายขึ้น

นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า หลังจากที่กรมบัญชีกลางได้ดำเนินการตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติให้มีการเพิ่มวงเงินให้กับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่แสดงความประสงค์จะพัฒนาตนเองในแบบประเมินและเมนูการพัฒนารายบุคคล โดยจะได้รับวงเงินเพิ่มสำหรับการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษาและวัตถุดิบเพื่อการเกษตรกรรม จากร้านธงฟ้าประชารัฐ และร้านอื่น ๆ ที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด ซึ่งผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี ได้รับวงเงินเพิ่ม จำนวน 200 บาท/คน/เดือน และผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีรายได้เกิน 30,000 บาทต่อปี ได้รับวงเงินเพิ่ม จำนวน 100 บาท/คน/เดือน ทั้งนี้ การเพิ่มวงเงินดังกล่าว ดำเนินการมาแล้ว 6 เดือน (ตั้งแต่เดือนมีนาคม – สิงหาคม 2561) ซึ่งสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือนให้กับผู้มีสิทธิได้ระดับหนึ่ง

นางสาวสุทธิรัตน์ กล่าวต่อว่า วันที่ 28 สิงหาคม 2561 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้มีการปรับเปลี่ยนจากการเพิ่มวงเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 200/100 บาท เป็นการเติมเงินรายเดือนเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้มีสิทธิแทน เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกและกำลังซื้อให้ผู้มีสิทธิ สามารถนำเงิน จำนวนดังกล่าวไปใช้จ่ายได้ตามความต้องการ เช่น ยารักษาโรค อาหาร รวมทั้งสามารถใช้เงินที่เติมลงบัตรในส่วนนี้ เพื่อชำระค่าสินค้าหรือบริการกับหน่วยงานหรือร้านค้าที่วางเครื่อง EDC ของโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือร้านค้าทั่วไป ที่วางเครื่อง EDC ที่มีสัญลักษณ์ PromptCard หรือร้านค้าที่รับชำระเงินผ่าน Mobile Application“ถุงเงินประชารัฐ”

ทั้งนี้ ผู้มีสิทธิที่เริ่มใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐในการชำระค่าสินค้าหรือบริการจากเงินที่เติมลงบัตรเป็นครั้งแรก จะต้องเปลี่ยนรหัส 6 หลักเดิม (เลขประจำตัวประชาชน 6 หลักสุดท้ายบนหน้าบัตร) จากเครื่อง ATM หรือ เครื่อง ADM หรือ สาขาของ บมจ. ธนาคารกรุงไทย ก่อนจึงจะสามารถใช้ได้ สำหรับผู้ที่ได้ใช้รหัส 6 หลักในการชำระค่าสินค้าหรือบริการ ผ่าน Mobile Application “ถุงเงินประชารัฐ” แล้ว สามารถใช้รหัสเดียวกันนี้ได้ทันที โดยไม่ต้องเปลี่ยนรหัสอีก ตลอดจน ใช้ถอนเงินในส่วนนี้ได้ และควรเก็บรักษารหัสไว้อย่างดีเพื่อความปลอดภัย

อย่างไรก็ตาม การปรับเปลี่ยนเป็นการเติมเงินรายเดือนเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้มีสิทธิยังคงวัตถุประสงค์เดิม คือเพื่อช่วยบรรเทาปัญหาค่าครองชีพให้กับผู้มีรายได้น้อย และยังเป็นการส่งเสริมการเข้าสู่สังคมไร้เงินสด

นายพงษ์นคร โภชากรณ์ ผู้อำนวยการส่วนการวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) กล่าวว่า กระทรวงการคลังได้จัดทำโครงการอินเทอร์เน็ตสำหรับผู้มีรายได้น้อยภายใต้โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2560 (โครงการอินเทอร์เน็ตสำหรับผู้มีรายได้น้อยฯ) ซึ่งเป็นมาตรการบรรเทาค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และมาตรการยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาความยากจน และเพื่อสนับสนุนให้ผู้มีรายได้น้อยผู้มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของภาครัฐ ข้อมูลส่งเสริมการพัฒนาตนเองของผู้มีรายได้น้อย และข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการประกอบอาชีพ เช่น สภาพดินฟ้าอากาศ ราคาสินค้าเกษตร เป็นต้น กระทรวงการคลังจึงได้เสนอโครงการอินเทอร์เน็ตสำหรับผู้มีรายได้น้อยฯ เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2561 โดยผ่านการหารือร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) และสำนักนายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้ รายละเอียดเกี่ยวกับกลไกการดำเนินงานและเนื้อหาของข้อมูลข่าวสาร กระทรวงการคลังจะหารือร่วมกับ สำนักงาน กสทช. และสำนักนายกรัฐมนตรีต่อไป