จับตาสงครามการค้ารอบใหม่กดดันตลาดผันผวน KTBST แนะลงทุนหุ้นมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว

สัปดาห์นี้ตลาดมีแนวโน้มผันผวนตามต่างประเทศ จับตาการตอบโต้ทางการค้าของสหรัฐฯกับจีนและยุโรปที่อาจกลับมาอีกครั้ง ส่วนปัจจัยในประเทศยังแข็งแกร่ง การบริโภคฟื้นตัว แต่รอความชัดเจนเรื่องกำหนดวันเลือกตั้ง กลยุทธ์ลงทุนควรเน้นหุ้นที่มีข่าวบวกเฉพาะตัว คาดกรอบดัชนีฯสัปดาห์นี้ที่ 1,700 – 1,730 จุด

ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)หรือ KTBST มองทิศทางตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ (3-7 ก.ย.) ว่า ประเด็นเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนอาจรุนแรงขึ้นอีกครั้ง หลังประธานาธิบดีสหรัฐประกาศเตรียมเก็บภาษีนำเข้าจากจีนอีก 2 แสนล้านเหรียญฯ เมื่อผ่านการทำประชาพิจารณ์ในสัปดาห์หน้า ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นช่วงปลายสัปดาห์และจีนน่าจะตอบโต้สหรัฐในรูปแบบเดียวกัน ขณะที่การเจรจาการค้าสหรัฐฯ-แคนาดา ที่ยังไม่บรรลุนั้นต้องไปเจรจารอบสองวันพุธนี้ (5 ก.ย.) รวมไปถึงการเจรจรากับอียูด้วย นั่นหมายความว่าสหรัฐฯเตรียมเปิดสงครามการค้ารอบใหม่กับทั้ง 3 ประเทศยักษ์ใหญ่ ซึ่งจะเป็นการสร้างความผันผวนให้กับตลาดในสัปดาห์นี้

โดยจากประเด็นดังกล่าวมีผลให้ต่างประเทศมีการเทขายหุ้นไทยอีกครั้ง แต่คาดว่าจะไม่มากนักเนื่องจากยังไทยมีความแข็งแกร่งด้านเศรษฐกิจและค่าเงินบาทที่แข็งแกร่ง (เงินบาท/ดอลล่าร์ ปิดไปที่ 32.76/+0.5% WoW) ซึ่งต่างจากค่าเงินในกลุ่มประเทศเกิดใหม่อย่างประเทศตุรกี อาร์เจนติน่า และอินโดนีเซีย ที่ประสบปัญหาขาดดุลงบประมาณ , ขาดดุลบัญชีเดินสะพัดและมีภาระหนี้ต่างประเทศในอัตราที่สูงทำให้ค่าเงินอ่อนค่าจากเงินทุนไหลออก ซึ่งส่งผลกระทบถึงตลาดเกิดใหม่อื่นๆ

ทั้งนี้ ปัจจัยในประเทศยังคงแข็งแรงดี การบริโภคในประเทศเริ่มฟื้น แต่ประเด็นสำคัญที่จับตามองกันคือเรื่องการเลือกตั้ง หลังจากที่สัปดาห์ก่อน รัฐบาลและกกต. กำหนดวันเลือกตั้งไว้ระหว่าง 24 ก.พ. 62 และ 5 พ.ค. 62 แต่ต้องติดตามว่าคสช. จะอนุญาตให้ทำกิจกรรมทางการเมืองเมื่อใด ณ เวลานี้ ตลาดคาดหวังว่าวันเลือกตั้งคือ 24 ก.พ. 62 ซึ่งหากตรงกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้จะส่งผลบวกต่อตลาด แต่หากมีการเลื่อนกำหนดเลือกตั้งอีกจะส่งผลลบต่อตลาด โดยปัจจัยที่ต้องติดสัปดาห์นี้คือ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และ พ.ร.ป. ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ทั้ง2 ฉบับ ที่ยังไม่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่ง KTBST คาดว่าน่าจะประกาศไม่เกินกลางเดือนกันยายน


นอกจากนี้ มีการคาดการณ์ว่าแนวโน้มกำไรไตรมาส 3 มีโอกาสฟื้นตัว QoQ นำโดยกลุ่มธนาคาร , น้ำมัน และปิโตรเคมี ที่ถือเป็นกลุ่มที่มีน้ำหนักต่อการเคลื่อนไหวของตลาดเกือบครึ่งและจะเป็นตัวพยุงตลาดให้ยืนเหนือ 1,700 จุดได้ หากไม่มีเหตุการณ์สำคัญใดหรือปัจจัยลบ มากระทบตลาด โดยที่ราคาน้ำมันดิบนั้นหากราคาน้ำมันยืนได้ในระดับที่สูงจะส่งผลบวกต่อหุ้นน้ำมัน-ปิโตรเคมี ซึ่งจะเป็นตัวที่ช่วยพยุงตลาดในสัปดาห์นี้
ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนสัปดาห์นี้ KTBST มองว่าตลาดต่างประเทศจะผันผวน แม้ปัจจัยในประเทศจะเป็นบวกแต่รับรู้กันมาระดับหนึ่งแล้ว ดัชนีฯมีแนวต้านสำคัญที่ 1,729 จุด หากผ่านได้จะมีแรงซื้อตาม และเนื่องจากตัวแปรต่างประเทศที่พร้อมจะเป็นทั้งบวกและลบ จึงควรเน้นลงทุนแบบปลอดภัยคือลดการถือหุ้นที่ราคาขึ้นมามาก เน้นหุ้นที่มีข่าวบวกเฉพาะตัว รวมทั้งเน้นกลุ่มน้ำมัน-ปิโตรเคมี KTBST มองหุ้นที่น่าสนใจในสัปดาห์นี้ได้แก่ AMATA, MACO , MINT, KKP, AP, IRPC, IVL และหุ้นที่ราคาปรับลงมามากมีโอกาสฟื้นตัว คือ BH และ CENTEL โดยกรอบดัชนีฯสัปดาห์นี้มองไว้ที่ 1,700 – 1,730 จุด