นลท.หวั่นปัจจัย ตปท.กดดันหนัก เทขายฉุดหุ้นไทยร่วง 6.80 จุด

นางสาวธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ภาพรวมภาวะตลาดหุ้นไทยในวันที่ (4 ก.ย.61) ดัชนีผันผวนค่อนข้างมาก มีแรงเหวี่ยงทั้งขึ้นและลง โดยช่วงนี้คาดว่านักลงทุนให้น้ำหนักจากปัจจัยภายนอกประเทศเป็นหลัก ซึ่งมีปัจจัยความไม่แน่นอนหลายประเด็น เช่น การเจรจาแก้ไขปัญหาสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับแคนาดาที่จบลงโดยที่ยังหาข้อยุติไม่ได้ และค่าเงินตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) ที่มีความเสี่ยงถูกโจมตีค่าเงินและตลาดการเงินอีกจากเงินทุนที่เคลื่อนย้ายระยะสั้นในตลาดการเงินไหลกลับสหรัฐ จนส่งผลให้เกิดวิกฤตค่าเงิน ซึ่งประเทศไทยก็โดนหางเลขไปด้วยที่ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลงตาม ซึ่งแรงกดดันจากปัจจัยภายนอกที่มีความไม่แน่นอนมาก อาจจะทำให้การฟื้นตัวเป็นไปได้ค่อนข้างยากลำบาก จึงทำให้ดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้นได้ยากและตลาดยังมีความเปราะบางต่อปัจจัยต่างๆ ทำให้ดัชนีผันผวนมีแรงเหวี่ยงขึ้นลง

“ดูท่าทีการคลี่คลายปัญหาถ้ามีวิกฤตค่าเงินขึ้นมาจริงก็คงไม่ง่าย เพราะขณะนี้หลายประเทศโดนไม่ว่าจะเป็น อาร์เจนตินา, ตุรกี, แอฟริกาใต้, อินโดนีเซีย, อินเดีย, ฟิลลิปปินส์ ที่อยู่ในข่ายที่จะต้องจับตามองทั้งนั้น”
ซึ่งตลาดหุ้นในวันนี้ทั้งภูมิภาคปรับตัวลดลง ยกเว้นตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงที่ดีดตัว ซึ่งคาดว่ามาจากการเตรียมรับมือมาตรการชะลอความ Panic ของตลาด

ส่วนทิศทางในวันพรุ่งนี้ (5 ก.ย.61) ตลาดน่าจะแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบ โดยมองกรอบดัชนีเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแนวรับที่ 1,710-1,705 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,720-1,725 จุด กลยุทธ์ช่วงนี้แนะนำให้ “เก็งกำไร” ขึ้นขายลงซื้อ ยังมองหุ้นที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยภายนอกไม่มาก ซึ่งมองว่าปลอดภัยกว่าในช่วงนี้ ได้แก่ หุ้นกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน STEC, CK ส่วนเรื่องค่าเงินบาทอ่อนค่า แนะนำหุ้น FPI

อย่างไรก็ดีดัชนีฯวันนี้ปิดตลาดที่ 1,714.41 จุด ลดลง 6.80 จุด หรือ -0.40% ขณะที่มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 44,456.65 ล้านบาท