นลท.เทขายหวั่นสงครามการค้าทวีความรุนแรงหลัง”ทรัมป์”เล็งใช้มาตรการกีดกันการค้า “ญี่ปุ่น”

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในวันที่ 7 ก.ย.61 ดัชนีแกว่งตัวอิงแดนลบเป็นส่วนใหญ่ โดยเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,685-1,694 จุด ซึ่งยังคงถูกกดดันจากปัจจัยต่างประเทศ โดยเฉพาะสงครามการค้าที่อาจจะมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นหลังจากประธานาธิบดี “ทรัมป์” เล็งประเทศ “ญี่ปุ่น” เป็นประเทศต่อไปที่มีการใช้มาตรการกีดกันทางการค้า ประกอบกับค่าเงินในภูมิภาคก็มีแนวโน้มในทิศทางอ่อนค่า ซึ่งกดดันกระแสฟันด์โฟลว์ที่ยังไหลออกจากประเทศไทยอยู่บ้าง โดยตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิไปกว่า 2 แสนล้านบาท ทำให้ดัชนีวันนี้ปิดตลาดที่ 1,689.49 จุด ลดลง 4.45 จุด หรือ -0.26% ขณะที่มูลค่าการซื้อขาย 36,449.96 ล้านบาท

ส่วนแนวโน้มสัปดาห์หน้า (10-14 ก.ย.61) ตลาดหุ้นไทยยังมีแนวโน้มผันผวน เนื่องจากต้องพิจารณาสถานการณ์ด้านการค้าว่าจะรุนแรงต่อประเทศไทยอย่างไร หลักๆ ขึ้นอยู่กับ “ทรัมป์” ว่าจะพูดเรื่องเก็บภาษีประเทศญี่ปุ่นหรืออนุมัติการเก็บภาษีจีนอีก 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐหรือไม่ เนื่องจากกระบวนการรับฟังความคิดเห็นสิ้นสุดลงไปแล้ว ซึ่ง “ทรัมป์” จะออกมาตรการกีดกันการค้าเมื่อไรก็ได้

นอกจากนี้ ยังคงต้องจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับแคนาดาครั้งที่ 2 ว่าจะได้ข้อสรุปหรือไม่ หากสามารถเจรจากันได้จะสามารถทำให้ตลาดหุ้นไทยคลายความกังวลเรื่องสงครามการค้าลงไปได้ รวมถึงทิศทางค่าเงินในภูมิภาคสังเกตว่าจะอ่อนค่าต่อไปหรือไม่

ทั้งนี้ อาจจะต้องติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่คาดว่าจะมีแผนทยอยลดมาตรการ QE และจะยุติลงในสิ้นปีนี้

ส่วนปัจจัยภายในประเทศ อาจจะต้องรอโปรดเกล้าฯ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญการได้มาซึ่ง ส.ว. โดยมองกรอบแนวรับที่ 1,670 จุด ส่วนกรอบแนวต้านที่ระดับ 1,705 จุด

สำหรับกลยุทธ์ลงทุนช่วงนี้แนะนำ “ถือเงินสด” เนื่องจากในระยะสั้นอาจจะมีความผันผวน ซึ่งควรรอซื้อในช่วงเวลาที่ต่ำกว่านี้ ถ้าเกิดเป็นพอร์ตเทรดดิ้งระยะสั้นจะไม่แนะนำให้ลงทุนแต่ควรถือเงินสด และทยอยสะสมในช่วงอ่อนตัว