บาทเคลื่อนไหวในกรอบแคบ รอตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐ

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า ภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันพุธที่ 12 กันยายน 2561 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (12/9) ที่ระดับ 32.78/80 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับปิดตลาดในวันอังคาร (11/9) ที่ระดับ 32.83/84 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐ ได้มีการเปิดเผยตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเพิ่มขึ้น 5.0% ในเดือนกรกฎาคม ขณะเดียวกันยอดขายในภาคค้าส่งทรงตัวในเดือนกรกฎาคม หลังจากที่ลดลง 0.2% ในเดือนมิถุนายน โดยยอดขายดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าระยะเวลาในการจำหน่ายสินค้าทั้งหมดในสต็อก ผู้ค้าส่งจะใช้เวลา 1.26 เดือน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 1.25 เดือนในเดือนมิถุนายน นอกจากนี้แล้วผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) รายเดือน พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน เพิ่มขึ้น 117,000 ตำแหน่ง มาอยู่ที่ระดับ 6.94 ล้านตำแหน่งในเดือนกรกฎาคม ได้แรงหนุนจากอุปสงค์ตำหน่งงานในภาคการเงินและการผลิต ในขณะที่ตัวเลขผู้ลาออกจากงานโดยสมัครใจเพิ่มขึ้น 106,000 คน มาอยู่ที่ระดับ 3.6 ล้านคน แสดงถึงความเชื่อมั่นของแรงงานที่คาดว่าจะสามารถหางานที่ให้ผลตอบแทนได้ดีขึ้น

สำหรับประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนนั้น ล่าสุดจีนเตรียมขอการอนุมัติจากองค์การการค้าโลก (WTO) ในสัปดาห์หน้าเพื่อทำการคว่ำบาตรสหรัฐ ในการประชุมคณะกรรมกรรไกล่เกลี่ยข้อพิพาทของ WTO (21/9) โดยคำร้องของจีนระบุว่า หากสหรัฐไม่ปฏิบัติตามคำตัดสินของ WTO กรณีความขัดแย้งเกี่ยวกับการที่สหรัฐ เรียกเก็บภาษีต่อต้านการทุ่มตลาดจากจีน ซึ่งจีนได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ WTO ในปี 2556 แล้ว คาดว่าการที่จีนขออนุมัติคว่ำบาตรสหรัฐ ในครั้งนี้ จะทำให้ทั้งสองฝ่ายทำการต่อสู้ทางด้านกฎหมายต่อไปอีกหลายปี ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 32.79/84 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 32.79/80 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโรในวันนี้ (12/9) ค่าเงินยูโรเปิดตลาดที่ระดับ 1.1591/93 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร แข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (11/9) ที่ระดับ 1.1584/87 สหรัฐ/ยูโร หลังจากรัฐบาลอังกฤษออกแถลงการณ์ว่า นายมาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) ได้ตกลงที่จะอยู่ในตำแหน่งต่อไปจนถึงสิ้นเดือนมกราคมปี 2563 เพื่อดูแลให้การแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) เป็นไปอย่างราบรื่่น ประคับประคองสถานการณ์ทางเศรษฐกิจระหว่างที่ประเทศกำลังเผชิญกับความผันผวนจาก Brexit นอกจากนี้แล้ว นายฟิลิป แฮมมอนด์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอังกฤษกล่าวว่า ทางรัฐบาลยังพยายามเจรจากับสหภาพยุโรปเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อตกลงสำหรับความสัมพันธ์หลังอังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปแล้ว ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1570-1.1603 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.1594/96 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนในวันนี้ (12/9) เปิดตลาดที่ระดับ 111.55/57 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวอ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (11/9) ที่ระดับ 111.32/34 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ โดยค่าเงินเยนยังคงทรงตัว ทั้งนี้ค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 111.42-111.58 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 111.46/47 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ

ดัชนีสำคัญทางเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิตของสหรัฐ เดือนสิงหาคม (12/9) แถลงการณ์กรรมการของคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) นายเบรนนาร์ด (12/9) รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) จากธนาคารกลางสหรัฐ (13/9) การประชุมธนาคารกลางยุโรป (13/9) ดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐ (13/9) แถลงการณ์กรรมการของ FOMC นายควอร์เลส (13/9) แถลงการณ์ประธานเฟด สาขาแอตแลนตา (13/9) ยอดค้าปลีกเดือนสิงหาคม (14/9) และประมาณการดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนกันยายน จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน (14/9)

สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -3.1/-3.0 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยง ภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -4.0/-3.25 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ