นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า หลังจากกรมสรรพากรได้เปิดรับสมัครตัวแทนการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้นักท่องเที่ยวในเมือง ช่วงระหว่างวันที่ 7-17 ก.ย. 2561 ที่ผ่านมา ปรากฎว่า มีเอกชนจำนวน 3 ราย ยื่นสมัครเข้ามา ซึ่งกรมสรรพากรจะพิจารณาคุณสมบัติและจะประกาศผู้ผ่านคุณสมบัติปลายเดือน ก.ย.นี้ โดยหากผ่านคุณสมบัติก็จะเริ่มดำเนินการทดลองระบบในสนามทดลอง (แซนด์บ็อกซ์) เป็นเวลา 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2561 ถึง 31 มี.ค.2562
“เรื่องนี้เป็นข้อเสนอมาจากกลุ่มประชารัฐที่ต้องการให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ จึงเสนอว่า เดิมจากที่คืนภาษีให้นักท่องเที่ยวที่สนามบิน ได้เงินก็นำออกไปเลย ก็อยากให้คืนตั้งแต่ในเมืองเลย จะได้เกิดเงินใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบ ก็จะเป็นระบบเหมือนกับที่ญี่ปุ่น คือคืนที่ร้านเลย ไม่ต้องไปคืนที่สนามบิน ซึ่งคืนเป็นเงินสด” นายเอกนิติกล่าว
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
ทั้งนี้ ตัวแทนแต่ละราย จะมีจุดคืนภาษีนักท่องเที่ยวได้แค่ไม่เกิน 3 จุด ในกรุงเทพฯและปริมณฑล เนื่องจากกรมสรรพากรยังไม่อยากเปิดกว้างจนเกินไป เพราะต้องประเมินผล 2 ด้านก่อน คือ ทำให้เกิดเงินหมุนเวียนได้แค่ไหน และ มีการโกงเกิดขึ้นมากแค่ไหน เพื่อดูว่าคุ้มค่าที่จะทำต่อไปหลังจากครบ 6 เดือนหรือไม่
นายเอกนิติ กล่าวอีกว่า สำหรับสินค้าที่คืนภาษีในเมือง จะมียอดซื้อขั้นต่ำที่ 2,000 บาท/ใบเสร็จ ซึ่งสามารถหิ้วออกไปได้เลย แต่สินค้าที่มีราคาแพง 10 ประเภท อาทิ นาฬิกา ปากกา แว่นตา รวมถึงสินค้าที่มูลค่าสูงตามที่กรมกำหนด เป็นต้น โดยทางเจ้าหน้าที่จะมีการขอตรวจสินค้าที่สนามบินอีกที
อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ 2561 ถึงปัจจุบันมีการคืนภาษีนักท่องเที่ยวในระบบเดิมไปแล้วราว 2,000-3,000 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวกว่า 2 ล้านราย
