ขุนคลังเซ็นเปิดเสรีการเงินเพิ่ม KTBST ดึงยูนิแคปิตอลร่วมธุรกิจ

ขุนคลังเซ็นเปิดเสรีบริการด้านการเงินในอาเซียนเพิ่ม ในเวทีประชุมผู้ว่าการธนาคารโลก-IMF 12-14 ต.ค. เผยไทยชงขยับข้อผูกพันเปิดทางต่างชาติถือหุ้นบริษัทจัดการลงทุนได้ 100% หนุนไทยขยายธุรกิจการเงินสู่อาเซียนมากขึ้น บล.เคทีบี จับมือกลุ่มยูนิแคปิตอล สัญชาติฟิลิปปินส์ ชูลงทุนครบวงจร ชี้มี 5 ดีล นำร่องตั้งอินฟราสตรักเจอร์ทรัสต์ระดมทุน 5 พันล้าน

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในช่วงวันที่ 12-14 ต.ค.นี้ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง จะเดินทางไปร่วมการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ปี 2561 ณ เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งจะมีการร่วมลงนามในร่างพิธีสารอนุวัตข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน ฉบับที่ 8 ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบร่างพิธีสารและอนุมัติให้ไปลงนามได้แล้ว

ทั้งนี้ ตามร่างพิธีสารดังกล่าว ไทยได้เสนอปรับปรุงตารางข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน ซึ่งมีสาระสำคัญ เรื่อง การอนุญาตให้มีสัดส่วนการถือหุ้นของต่างชาติในบริษัทจัดการลงทุน (ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทจัดการกองทุนรวม กองทุนส่วนบุคคล การเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่เป็นหน่วยลงทุน การค้าหลักทรัพย์ที่เป็นหน่วยลงทุน การจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ที่เป็นหน่วยลงทุน การเป็นที่ปรึกษาการลงทุน และการจัดการเงินร่วมลงทุน) ได้ถึง 100% ของทุนที่ชำระแล้ว โดยยกเลิกเงื่อนไขที่กำหนดให้ต้องมีสถาบันการเงินที่จัดตั้งภายใต้กฎหมายไทยถือหุ้นไม่น้อยกว่า 50% ของทุนชำระแล้วช่วง 5 ปีแรก หลังจากที่ได้รับอนุญาต

“เนื่องจากปัจจุบัน ข้อผูกพันการเข้าสู่ตลาดในสาขาย่อยบริการจัดการลงทุน ภายใต้กรอบการค้าบริการด้านการเงินของอาเซียน มีระดับการผูกพันต่ำกว่ากฎหมายที่บังคับใช้ในปัจจุบัน ดังนั้นการปรับปรุงตารางข้อผูกพันดังกล่าว จึงเป็นการยกระดับข้อผูกพันของไทยให้เทียบเท่ากฎหมายและแนวปฏิบัติที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งไม่จำเป็นต้องแก้กฎหมายด้านหลักทรัพย์อีก ขณะเดียวกันจะเป็นการเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนไทยสามารถขยายการค้าการลงทุนในสาขาบริการด้านการเงินออกไปยังประเทศอาเซียนอื่นได้สะดวกยิ่งขึ้น” แหล่งข่าวกล่าว

อย่างไรก็ตาม การลงนามจะเกิดขึ้นได้ ยังต้องขึ้นกับความพร้อมของประเทศสมาชิกอาเซียนอื่น ๆ ด้วย ซึ่งหากสมาชิกส่วนใหญ่ไม่พร้อม ก็จะเลื่อนไปลงนามในปี 2562

นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST กล่าวว่า บริษัทได้ลงนามและแสดงเจตจำนงความร่วมมือทางธุรกิจด้านวาณิชธนกิจ และด้านนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ กับบริษัท Unicapital, Inc. ซึ่งให้บริการด้านการลงทุนครบวงจรชั้นนำของฟิลิปปินส์ โดยจะครอบคลุมบริการ 3 ธุรกิจ คือ1.การแนะนำผู้ลงทุนสถาบันไทยและฟิลิปปินส์ มาลงทุนในสินทรัพย์ตลาดต่าง ๆ เช่น หุ้น ตราสารหนี้และกองทุนต่าง ๆ 2.ความร่วมมือในการทำ dual-listing หรือการนำบริษัทจดทะเบียนเข้าตลาดหุ้นระหว่างไทยและฟิลิปปินส์ และ 3.ร่วมมือจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานที่น่าสนใจจากสินทรัพย์ใน 2 ประเทศ เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ

“ความร่วมมือกับทางยูนิแคปิตอล ในด้านวาณิชธนกิจจะมี 5 ดีลเกิดในไทย จะเห็นการจัดตั้งอินฟราสตรักเจอร์ทรัสต์ ก่อนการทำดูโอลิสติ้ง การจัดตั้งอินฟราสตรักเจอร์ทรัสต์ เป็นการระดมทุนราว 5 พันล้านบาทลงทุนในธุรกิจพลังงานภายในไตรมาส 4 นี้ ส่วนดีลดูโอลิสติ้ง กำลังอยู่ระหว่างการหารือกับ ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ฯ นอกจากนี้จะมีความร่วมมือเรื่องการออกหุ้นกู้สกุลบาทบอนด์ ในปีหน้า ฝั่งเราก็จะดึงกองทุนบำนาญของฟิลิปปินส์เข้ามาลงทุนในไทย ในส่วนเราออกไปฟิลิปปินส์ จะพานักลงทุนไทยออกไปลงทุนในฟิลิปปินส์ รวมถึงการหาพันธมิตรทางธุรกิจให้กับลูกค้าคอร์ปอเรตไทย เป็นต้น” นายวินกล่าว

สำหรับตลาดหุ้นไทยจะมีทั้งบริษัทเข้าจดทะเบียนจำนวนมาก รวมถึงตราสารหนี้ที่มีผู้ออกจำนวนมากด้วย และมีความคึกคักมากที่สุดในอาเซียน สะท้อนว่าตลาดทุนในไทยมีสภาพคล่องสูง รวมทั้งมีกลุ่มสถาบันการเงินที่โดดเด่น กลุ่มพลังงานระหว่างประเทศที่แข็งแกร่ง อย่างกลุ่ม ปตท. กลุ่มอุปโภคบริโภคขนาดใหญ่ เช่น CPN, CPALL, BJC เป็นต้น ซึ่งจะจูงใจให้เม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนรายใหญ่ (ไฮเน็ตเวิร์ท) และสถาบันของฟิลิปปินส์เข้ามาลงทุนมากขึ้น ขณะที่ตลาดหุ้นในฟิลิปปินส์มีการเติบโตที่สูงในอาเซียน และมีบริษัทจดทะเบียนที่มีมูลค่าทางการตลาดที่ใหญ่ ซึ่งกลุ่มอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ กลุ่มอุปโภคบริโภค เครื่องดื่ม ธุรกิจบันเทิง กลุ่มสาธารณูปโภค รวมถึงกลุ่มพลังงานที่หลากหลาย ถือว่าเป็นตลาดที่ใหม่และน่าสนใจสำหรับนักลงทุนไทย