ค่าเงินบาทอ่อนค่าตามภูมิภาค หลังเงินทุนไหลออกจากตลาดเกิดใหม่

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพฯ รายงานว่า ภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันอังคารที่ 9 ตุลาคม 2561 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (9/10) ที่ระดับ 32.90/91 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวแข็งค่าจากระดับปิดตลาดในวันจันทร์ (8/10) ที่ระดับ 32.97/99 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ โดยสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กระทรวงการคลังสหรัฐกำลังจับตาความเคลื่อนไหวของค่าเงินหยวนอย่างใกล้ชิด และนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐกำลังถูกทำเนียบขาวกดดันให้ประกาศว่าจีนเป็นประเทศปั่นค่าเงินหลังค่าเงินหยวนอ่อนค่าจากที่ธนาคารกลางจีนได้ปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ลง 1% ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค. ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าการดำเนินการดังกล่าวของธนาคารกลางจีนนั้นมีเป้าหมายที่จะเสริมสภาพคล่องและพยุงเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการจัดเก๋็บภาษีของรัฐบาลสหรัฐ ขณะที่ทางกระทรวงมีกำหนดการออกรายงานรอบครึ่งปีว่าด้วยประเทศที่บิดเบือนค่าเงินในสัปดาห์หน้า ซึ่งอาจระบุว่าจีนเป็นประเทศปั่นค่าเงิน นอกจากนี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกสำหรับปี 2018 และ 2019 เหลือ 3.7% จากตัวเลขคาดการณ์ในเดือน ก.ค.ที่ 3.9% โดยระบุว่าความตึงเครียดด้านนโยบายการค้า และการกำหนดภาษีนำเข้ากำลังส่งผลกระทบต่อการค้า ขณะทีี่ตลาดเกิดใหม่เผชิญกับภาวะการเงินที่ตึงตัวขึ้นและการไหลออกของเงินทุน โดยนักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐ (CPI) เดือน ก.ย.ของสหรัฐในวันพฤหัสบดี ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI เดือน ก.ย.จะเพิ่มขึ้น 0.2% โดยหากตัวเลข CPI ดีดตัวขึ้นมากกว่าระดับ 0.2% ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก็จะเป็นปัจจัยหนุนการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 32.90-33.02 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 33.01/02 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโร ค่าเงินยูโรเปิดตลาดเช้าวันนี้ (9/10) ที่ระดับ 1.1491/92 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร แข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (8/10) ที่ระดับ 1.1474/75 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร โดยธนาคารกลางเยอรมนี (บุนเดสแบงก์ป เตรียมระบุในที่ประชุมประจำปีของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และธนาคารโลกที่อินโดนีเซียว่า “มีความเป็นไปได้มากขึ้น” ที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก จากความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมืองที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการค้า และการเจรจาเรื่องการออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษของอิตาลี ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1460-1.1502 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.1465/66 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยน ค่าเงินเยนเปิดตลาดเช้าวันนี้ (9/10) ที่รดับ 113.02/03 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (8/10) ที่ 113.36/37 เยน/ดอลลาร์ โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่นขึ้น 0.1% สู่ระดับ 1.1% โดยได้รับแรงหนุนจากภาวะเศรษฐกิจและอุปสงค์ภายในประเทศทีฟื้นตัวขึ้นในช่วงไตรมาสเดือน เม.ย.-มิ.ย. โดยระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 112.94-113.39 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 113.14/18 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ

ดัชนีสำคัญทางเศรษบกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ได้แก่ แถลงการณ์ประธานเฟด สาขาซานฟรานซิสโก (10/10) ดัชนีราคาผู้ผลิตของสหรัฐ (10/10) แถลงการณ์ประธานเฟด สาขาแอตแลนตา (11/10) การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) (11/10) ดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐ (11/10) ประมาณการสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐ (11/10) แถลงการณ์ประธานเฟด สาขาแอตแลนตา (12/10)

สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -2.7/-2.55 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยง ภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -1.65/-1.05 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ