FETCO แถลงแผนงานปี’61-62 เตรียมตลาดทุนไทยไปสู่ตลาดทุนภูมิภาค เผยกองทุนประเภทใหม่ที่จะมาแทน LTF ขยายประโยชน์ให้ผู้มีรายได้ต่ำ-กลาง

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงาน ปี 2561-2562 ของ FETCO เตรียมผลักดันแผนยุทธศาสตร์ตลาดทุนกำหนดทิศทางและเป้าหมายระยะยาวในภาพรวม เพื่อยกระดับตลาดทุนไทยให้เป็น “ตลาดทุนภูมิภาค” โดยนโยบายการดำเนินงานของ FETCO ในปี 2561-2562 นี้ จะดำเนินการโดยมีแผนงาน 8 แผนงานหลัก ได้แก่

1) เสนอความคิดเห็นและให้คำปรึกษาต่อภาครัฐอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาตลาดทุนไทย
2) จัดทำแผนยุทธศาสตร์ตลาดทุนไทย
3) ติดตามและปรับปรุงแผนพัฒนาตลาดทุนไทย ให้สอดคล้องกับสภาวะการณ์
4) ขยายฐานนักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนระยะยาว เพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับตลาดทุนไทย
5) เพิ่มความหลากหลายของตราสารและผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนให้มากยิ่งขึ้น
6) สร้างนักวิเคราะห์การลงทุนเพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่มคุณภาพของตลาดทุน
7) สนับสนุนสมาชิกให้ความรู้ด้านการลงทุนขั้นพื้นฐาน (Investment Literacy) แก่ประชาชนทั่วไป
8) สนับสนุนสมาชิกในการพัฒนากลไกการทำงานและการนำนวัตกรรมมาใช้ในตลาดทุน

นโยบายการดำเนินงานของ FETCO ดังกล่าวเพื่อเป็นตัวแทนภาคเอกชนทุกองค์กรในตลาดทุนไทยร่วมกำหนดทิศทางและเป้าหมายระยะยาวในการพัฒนาตลาดทุนไทย รวมทั้งเป็นกลไกสำคัญในการร่วมขับเคลื่อนนโยบายระหว่างรัฐและเอกชน โดยเฉพาะการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ตลาดทุนไทยเช่นเดียวกับยุทธศาสตร์ชาติ โดยมีความเห็นว่าตลาดทุนควรมียุทธศาสตร์ระยะยาว ที่เป็นเหมือนเข็มทิศให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดในตลาดทุน ทั้งภาครัฐและเอกชนได้รับรู้ถึงเป้าหมายหลักและดำเนินการไปในทิศทางเดียวกัน

นอกจากนี้ FETCO กำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการออกกองทุนประเภทใหม่เพื่อทดแทนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) เพื่อสนับสนุนการออมระยะยาวรองรับสำหรับสังคมผู้สูงอายุและนำเสนอประเด็นให้หน่วยงานของรัฐพิจารณา โดยกองทุนประเภทใหม่ที่กำลังศึกษาจะเป็นยุทธศาสตร์ทางออก (Exit Strategy) ของกองทุน LTF ที่จะหมดอายุในปีหน้าและจะไม่มีการขอต่ออายุกับทางการอีก ซึ่งสมาชิกเห็นตรงกันว่าควรยกเลิกกองทุน LTF เพื่อปรับปรุงรูปแบบกองทุนใหม่ที่จะเน้นไปที่ประโยชน์ของผู้มีรายได้ต่ำถึงกลาง ซึ่งต่างจากกองทุน LTF ในปัจจุบันที่คนส่วนใหญ่มองว่าให้ประโยชน์แก่ผู้มีรายได้สูง คาดว่าจะแล้วเสร็จในรัฐบาลนี้ ส่วนที่จะต้องทำ Exit Strategy เพื่อให้เม็ดเงินกว่า 7-8 หมื่นล้านบาทชะลอการลงทุนและทยอยออกจากกองทุน LTF เพื่อนำเงินไปลงทุนในกองทุนใหม่

ในส่วนของ “เงินเย็น” FETCO วางแผนงานเสนอความเห็นเพื่อพิจารณาปรับปรุงกฎหมายหรือกฎเกณฑ์ของสมาคมและมูลนิธิให้สามารถลงทุนได้หลากหลายและกว้างขึ้นจากปัจจุบันไม่สามารถนำเงินของสมาคมและมูลนิธิไปลงทุนได้ เช่น การอนุญาตให้มีการลงทุนผ่านกองทุนรวมได้ เป็นต้น เพื่อเป็นการปลดล็อคเงินส่วนดังกล่าวให้สร้างผลตอบแทนได้

ในแง่เพิ่มความหลากหลายของตราสารและผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน FETCO วางแผนเสนอให้มีการพิจารณาแนวทางดำเนินการร่วมกันในอุตสาหกรรมและภาครัฐออกไปเปิดตลาดใหม่ๆ เพื่อดึงนักลงทุนระยะยาว และผลักดันให้เกิดผลิตภัณฑ์และสภาพคล่องในตราสารประเภทอื่นๆ เช่น High Yield Bond DR ETF หรือธุรกิจรองรับนวัตกรรม หรือ ESG เพื่อเพิ่มทางเลือกในการลงทุน

ส่วนการผลักดันให้มีการจัดทำหน่วยงานกลางเช่น “Investment Analyst Academy” สร้างนักวิเคราะห์รุ่นใหม่ เพื่อเพิ่มจำนวน ความหลากหลายของบทวิเคราะห์ และผลิตงานวิเคราะห์ที่ได้มาตรฐานสากล ปัจจุบันจำนวนหลักทรัพย์และจำนวนบริษัทจดทะเบียนสูงขึ้นจาก 10 ปีที่แล้ว ในทางกลับกันนักวิเคราะห์การลงทุนกลับมีจำนวนลดลง แม้ปัจจุบันจะมีปัญญาประดิษฐ์(AI) เข้ามาช่วยร่นเวลาการเทรดหุ้น แต่การเลือกและวิเคราะห์หุ้นก่อนทำการเทรดหุ้นยังจำเป็นต้องใช้นักวิเคราะห์อยู่ หากต้องการสร้างตลาดใหม่อย่าง ETF High Yield Bond และหุ้นกลุ่มประเทศ CLMV ให้เข้ามาตลาดทุนในประเทศ จำเป็นที่จะต้องเพิ่มจำนวนนักวิเคราะห์

นอกจากนี้ FETCO ยังมีแผนสนับสนุนสมาชิก FETCO ในการกำหนดทิศทางและกลุ่มเป้าหมายการให้ความรู้ด้านการลงทุนขั้นพื้นฐานแก่ประชาชนทั่วไปเพิ่มเติมจากการให้ความรู้ด้านการเงิน แผนการผลักดันการแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรค รวมถึงสนับสนุนการกำหนดมาตรฐานทางเทคโนโลยีร่วมกันสำหรับ Platform ของบริการที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการระดมทุนและการลงทุน โดยการแสวงหาโอกาสและช่องทางในการทำธุรกิจรองรับนวัตกรรมการให้บริการและการเปลี่ยนแปลงของตัวกลาง ทำให้อุตสาหกรรมสามารถใช้ข้อมูลร่วมกันที่สามารถเชื่อมโยงได้ ภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับดิจิทัล

“ตลาดทุนไทยมีความจำเป็นที่จะต้องพัฒนาให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงทิศทางนโยบายและการแข่งขันทางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคและระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นด้านขยายฐานนักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนระยะยาว การเพิ่มความหลากหลายของตราสารและผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนให้มากยิ่งขึ้น การสร้างนักวิเคราะห์การลงทุนเพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่มคุณภาพของตลาดทุน รวมทั้งการส่งเสริมให้ความรู้ด้านการลงทุนขั้นพื้นฐานให้กับประชาชนทั่วไป และการพัฒนากลไกการทำงานและการนำนวัตกรรมมาใช้ในตลาดทุน นอกจากนี้ FETCO จะร่วมทำหน้าที่เป็นองค์กรหลักในการติดตามและปรับปรุงแผนพัฒนาตลาดทุนไทยให้สอดคล้องกับสภาวะการณ์อย่างใกล้ชิดมากขึ้นอีกด้วย” นายไพบูลย์กล่าว