ก.ล.ต.มึนนักก๊อบปี้แนะเทรดหุ้น คุมโลกไซเบอร์ไม่อยู่/ราคาเจฟินคอยน์รูด

ทิพยสุดา ถาวรามร รองเลขาธิการ สำนักงานก.ล.ต.

ก.ล.ต.มึนโรคคลาวด์ซอร์ซซิ่งบนโลกไซเบอรแพร่พันธุ์เร็วมาก ระบุก๊อบปี้คำแนะนำเทรดหุ้นของนักวิเคราะห์-เทรดเดอร์ ก.ล.ต.คุมไม่อยู่ นายก ส.ฟินเทค ชี้โลกดิจิทัลหนุนคนเข้ามาลงทุนมากขึ้น ด้าน JVC เผยล่าสุดมีผู้ถือ “เจฟินคอยน์” เหลือ 2 พันราย ราคาเทรดตก 2.93 บาท ร่วงต่ำจองอื้อ

นางทิพยสุดา ถาวรามร รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า จากปัจจุบันมีกลุ่มผู้เป็นคลาวด์ซอร์ซซิ่ง (crowd sourcing) เกี่ยวกับการให้ข้อมูลแนะนำการลงทุนในหลักทรัพย์ที่เพิ่มมากขึ้น ทาง ก.ล.ต.ก็มีความกังวลต่อนักลงทุนที่ใช้ข้อมูลจากคลาวด์ซอร์ซซิ่งไปใช้ในการพิจารณาลงทุน เพราะข้อมูลที่คลาวด์ซอร์ซซิ่ง ไม่ได้เป็นกลุ่มผู้ที่ไม่ได้มีการขึ้นทะเบียนการเป็นนักวิเคราะห์จาก ก.ล.ต. แต่มีการนำข้อมูลจากบริษัทหลักทรัพย์อื่นหรือแนะนำจากความคิดเห็นของตนเอง หรือเพื่อน ๆ ในกลุ่ม หรือคนในโซเชียลมาแชร์บอกต่อ ๆ กัน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ก.ล.ต.ยังไม่สามารถเข้าไปควบคุมข้อมูลที่เผยแพร่บนโลกโซเชียลได้

“การกระจายข้อมูลของผู้ลงทุนหนึ่งไปยังนักลงทุนอื่น ๆ โดยขาดความน่าเชื่อถือหรือไม่มีที่มาที่ไป อาจส่งผลเสียต่อตลาดและการลงทุนได้ ในอดีต ก.ล.ต.จะสามารถควบคุมการกระจายข้อมูลการลงทุน จากใบอนุญาตที่ให้นักวิเคราะห์ที่จะสามารถให้คำแนะนำนักลงทุนได้ แต่กรณีคลาวด์ซอร์ซซิ่ง เราไม่สามารถออกเกณฑ์ควบคุมได้ เพราะพวกนี้จะ “copytrade” หรือคัดลอกคำแนะนำการลงทุนของพวกเทรดเดอร์ต่าง ๆ ขณะที่ ก.ล.ต.จะคุมพวกฟินเทคนักวิเคราะห์ที่มาขึ้นทะเบียน ดังนั้น สิ่งที่ ก.ล.ต.ทำ คือเรียกร้องให้พวก copytrade เปิดเผยข้อมูลและกระบวนการวัดผลการลงทุน เช่น สถิติและผลจากการลงทุน เราคงคุมได้ส่วนหนึ่ง เพราะโลกวันนี้ไม่ใช่โลกที่กำกับตัวกลาง (ที่คอยส่งต่อข้อมูลทางออนไลน์) ได้อีกต่อไป” นางทิพยสุดากล่าว

ด้านนายเจษฎา สุขทิศ นายกสมาคมฟินเทคประเทศไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันพฤติกรรมของผู้ลงทุนเปลี่ยนไปค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในโลกยุคดิจิทัลซึ่งคนส่วนใหญ่ใช้เวลาอยู่กับอินเทอร์เน็ต คนไทยเข้าถึงความรู้ด้านการลงทุนเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อคนมีความรู้ความเข้าใจในการลงทุนมากขึ้น คนก็จะเข้ามาลงทุนมากขึ้นในอนาคต

“ในปัจจุบันทุกคนสามารถเข้าถึงช่องทางการลงทุนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งช่องทางนี้เติบโตขึ้นเร็ว ทำให้ฐานผู้ลงทุนเติบโตเป็นทวีคูณจาก 1 ล้านบัญชีในปัจจุบัน สิ่งที่ต้องทำคือการให้ความรู้นักลงทุน การส่งเสริมให้คนเข้าถึงนวัตกรรม และการแก้ไขกฎเกณฑ์และกฎระเบียบต่าง ๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุน” นายเจษฎากล่าว

สำหรับความคืบหน้าในการซื้อขายเจฟินคอยน์ (JFin Coin) นายธนวัตน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด หรือ JVC กล่าวว่า ปัจจุบัน (16 ต.ค. 61) ราคาซื้อขายของเจฟินคอยน์ (JFin Coin) อยู่ที่ 2.93 บาทต่ำจากราคาจองที่อยู่ 6.60 บาทและมีผู้ถือเจฟินคอยน์เหลือ 2,000 ราย ซึ่งจำนวนค่อนข้างน้อย อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ยังถือเหรียญเจฟินคอยน์ จะได้สิทธิในการนำเหรียญไปใช้ใน ecosystem ของ JMART โดยในวันที่ 17 ต.ค.นี้ JVC จะเปิดตัว”pahpays.com”, แอปพลิเคชั่น “ป๋า” ซึ่งจะให้สินเชื่อแก่ผู้ถือเหรียญ และตัว JWallet โดยผู้ถือเจฟินคอยน์สามารถนำเหรียญมาแลกเป็นสินค้าในเครือ JVC ได้ เช่น กาแฟ หรือโทรศัพท์มือถือใน JMart ฯลฯ


“เมื่อนำเจฟินคอยน์ไปใช้จ่ายมากขึ้น ก็จะทำให้มีความต้องการซื้อขายเจฟินคอยน์มากขึ้น แม้ยังไม่สามารถประมาณการตัวเลขผู้ที่จะเข้ามาถือเจฟินคอยน์ในอนาคตได้ แต่ปีหน้าเราจะเอาบล็อกเชนมาเป็น proof stake holder ช่วยยืนยันการทำธุรกรรม blockchain คล้ายคลึงกับการค้ำประกัน เนื่องจาก blockchain ไม่มีตัวกลางอย่างธนาคาร การที่ผู้ขอสินเชื่อจะได้สินเชื่อจะต้องมีผู้ค้ำประกันช่วยยืนยันให้ โดยผู้ค้ำประกันจะได้ส่วนแบ่งจากค่าธรรมเนียมที่ JVC เรียกเก็บ เชื่อว่าจะมีผู้เข้ามาถือใหม่หลักหมื่นและหลักแสนรายในปี 2562”