Perpetual Bond หุ้นกู้ไม่มีอายุ

คอลัมน์ สถานีลงทุน

โดย ศิรินารถ อมรธรรม สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย

perpetual bond กำลังได้รับความสนใจจากหลาย ๆ บริษัทในการเป็นเครื่องมือระดมทุน โดยในปัจจุบันมีทั้งหมด 10 รุ่น มูลค่าคงค้างรวม 58,447 ล้านบาท คิดเป็น 6.7% ของมูลค่าคงค้างหุ้นกู้ระยะยาวทั้งหมด นักลงทุนก็ให้ความสนใจเพราะหุ้นกู้ประเภทนี้ให้อัตราดอกเบี้ยค่อนข้างสูง แต่ก่อนจะตัดสินใจลงทุน เรามาทำความเข้าใจลักษณะผลตอบแทนและความเสี่ยงของหุ้นกู้ประเภทนี้กันก่อน และใครบ้างเหมาะหรือไม่เหมาะกับการลงทุนใน perpetual bond

สิ่งที่ต้องพิจารณาก่อนลงทุน

-การไม่มีอายุ หรือไม่กำหนดวันไถ่ถอน ผู้ลงทุนมีสิทธิได้ดอกเบี้ยไปเรื่อย ๆ คล้าย ๆ กับผู้ลงทุนในหุ้นที่มีโอกาสได้เงินปันผล ตราบใดที่บริษัทนั้น ๆ ยังไม่เลิกกิจการไป แต่นั่นแปลว่าหากผู้ลงทุนต้องการเงินคืน จะทำได้เพียงการขายออกในตลาดรองเท่านั้น ซึ่งในปัจจุบันต้องยอมรับว่าอาจไม่มีสภาพคล่องมากนัก ราคาขายอาจสูงหรือต่ำกว่าราคาต้นทุนที่ซื้อมา

– เป็นหุ้นกู้ด้อยสิทธิ หากบริษัทที่ออกล้มละลาย นักลงทุนที่ถือหุ้นกู้ประเภทนี้จะมีสิทธิได้รับชำระหนี้คืน หลังเจ้าหนี้สามัญอื่น ๆ ซึ่งอาจได้รับชำระหนี้คืนเต็มจำนวน หรือบางส่วนตามจำนวนเงินที่เหลือจากการชำระเจ้าหนี้ลำดับก่อนหน้า

– เลื่อนจ่ายดอกเบี้ยได้ ผู้ออกสามารถเลื่อนการจ่ายดอกเบี้ยออกไปได้โดยไม่มีเงื่อนไข แม้ว่าบริษัทจะมีกำไรก็ตาม โดยอาจสะสมดอกเบี้ยจ่ายไปชำระในวันใดก็ได้ แต่ในระหว่างนั้นห้ามจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น แม้สุดท้ายแล้ว ผู้ออกต้องจ่ายดอกเบี้ยที่ค้างไว้ตามที่กำหนดก็ตาม แต่เงินที่ได้รับวันนี้กับได้รับในอนาคตย่อมมีมูลค่าปัจจุบันไม่เท่ากัน ดังนั้น อัตราผลตอบแทนที่นักลงทุนจะได้รับจริง ย่อมลดลงตามการจ่ายดอกเบี้ยที่ถูกเลื่อนออกไป และที่สำคัญ นักลงทุนต้องเตรียมการรองรับไว้ด้วยว่า อาจจะไม่ได้รับกระแสเงินสดจากดอกเบี้ยทุกงวด เหมือนการลงทุนในหุ้นกู้ปกติ

อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริง ผู้ออกไม่น่าจะเลื่อนการจ่ายดอกเบี้ยตามอำเภอใจ โดยไม่มีเหตุอันสมควร เพราะจะส่งผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทจากการงดจ่ายเงินปันผล และมีผลต่อการขายหุ้นกู้ของบริษัทในอนาคต เนื่องจากนักลงทุนจะมองว่าการเลื่อนจ่ายดอกเบี้ยเป็นการแสดงว่าบริษัทมีปัญหาทางการเงินจนไม่สามารถชำระหนี้คืนได้

– มี call option คือ บริษัทผู้ออกมีสิทธิเรียกไถ่ถอนได้ก่อนกำหนด โดยมักจะกำหนดให้เริ่มใช้สิทธิไถ่ถอนได้ตั้งแต่ปีที่ 5 ทั้งนี้ โดยหลักการบัญชี บริษัทสามารถนับตราสารประเภทนี้เป็นทุน (equity) ได้ตลอด ทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E ratio) ของบริษัทลดลง แต่บริษัทจัดอันดับเครดิตจะนับเป็นหนี้ 50% และทุน 50% ใน 5 ปีแรก ดังนั้นภายหลัง 5 ปี บริษัทก็มีสิทธิเลือกที่จะขอไถ่ถอนก่อนกำหนดได้ หากไม่สามารถนับเป็นทุนได้แล้ว หรือหากดอกเบี้ยในตลาดขณะนั้นลดลงจากวันออก บริษัทก็อาจไถ่ถอนแล้วออกรุ่นใหม่ที่จ่ายดอกเบี้ยต่ำลงได้ ดังนั้นหากมีการไถ่ถอนก่อนกำหนด นักลงทุนก็จะไม่ได้รับดอกเบี้ยในอัตราตามที่คาดหวังอีกต่อไป และเงินที่ได้รับจากไถ่ถอนเมื่อนำไปลงทุนต่ออย่างอื่นก็อาจได้อัตราผลตอบแทนที่ลดลง ในทางตรงข้าม หากอัตราดอกเบี้ยในตลาดเพิ่มสูงขึ้นมากในอีก 5 ปีข้างหน้า ผู้ออกก็อาจเลือกที่จะไม่ไถ่ถอนก่อนกำหนด ทำให้นักลงทุนเสียโอกาสในการนำเงินไปลงทุนต่อในอัตราดอกเบี้ยตลาดที่เพิ่มขึ้น

อันดับเครดิตของ perpetual bond โดยทั่วไปจะต่ำกว่าอันดับเครดิตบริษัทที่ออกราว 2 ระดับ เนื่องจากปัจจัยความเสี่ยงที่กล่าวมาข้างต้น เป็นผลให้ perpetual bond จ่ายดอกเบี้ยสูงกว่าหุ้นกู้ปกติ ซึ่งนักลงทุนต้องพิจารณาว่าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นนี้สอดคล้องกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นหรือไม่ รวมถึงอาจนำไปเปรียบเทียบกับอัตราเงินปันผลกรณีลงทุนในหุ้นบุริมสิทธิของบริษัท ด้วยคุณสมบัติที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ออกในการระดมทุน โดยไม่ทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนเพิ่มขึ้น


แต่สำหรับนักลงทุนก็ต้องเข้าใจความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นตามอัตราผลตอบแทน หุ้นกู้ประเภทนี้จึงอาจเหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีเงินลงทุนสูง ซึ่งต้องการกระจายทางเลือกในการลงทุน หรือนักลงทุนเงินเย็นที่ไม่ได้มีเป้าหมายในการรับเงินต้นคืนภายในระยะเวลาที่กำหนด แต่สำหรับนักลงทุนรายย่อยควรทำความเข้าใจถึงเงื่อนไขพิเศษของ perpetual bond เพื่อประเมินความเสี่ยงของหุ้นกู้และระดับความเสี่ยงที่ตนเองรับได้ก่อนตัดสินใจลงทุน