รมช.คลัง ชู 4 มาตรการ หวังรองรับผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น

รมช.คลัง ชู 4 มาตรการ หวังรองรับผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น หลังกระทบภาระงบประมาณทางการคลังพุ่ง เตรียมงบประมาณใช้จ่ายด้านสุขภาพและสวัสดิการปี 62 วงเงิน 429,000 ล้านบาท

นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ เปิดเผยภายหลังการประชุม APEC Life Sciences Innovation Forum ว่า ในปัจจุบันประเทศไทยเริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมากขึ้น โดยปัจจุบันมีจำนวนผู้สูงอายุประมาณ 10 ล้านคน ส่งผลให้กระทรวงการคลังมีภาระงบประมาณเพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายด้านการรักษาสุขภาพและสวัสดิการทุกๆ ปี

ทางกระทรวงการคลังจึงหามาตรการเพื่อแก้ปัญหาในเรื่องดังกล่าว ประกอบด้วย 1.การขยายระยะเวลากลุ่มวัยทำงานบางประเภทที่สามารถทำงานได้ 2.การให้ความรู้เรื่องสุขภาพแก่ประชาชน โดยภาครัฐจะดำเนินการออกนโยบายโครงการอินเตอร์เน็ตบริเวณพื้นที่ชนบท เพื่อให้ประชาชนที่อยู่บริเวณพื้นที่ชนบท มีคุณภาพชีวิตที่ดีและสามารถทราบข้อมูลด้านสุขภาพเบื้องต้นได้สะดวกมากขึ้น รวมถึงในกรณีที่เจ็บป่วยเบื้องต้นก็สามารถดูแลตนเองได้ โดยไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาจากโรงพยาบาล ซึ่งจะช่วยประหยัดทรัพยากรทางการแพทย์ 3.การสร้างแรงจูงด้านสุขภาพโดยการเลือกใช้เครื่องมือที่สามารถตรวจวัดสุขภาพได้ เช่น นาฬิกาข้อมือเพื่อสุขภาพ 4.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP) วงเงินลงทุน จำนวน 1,400 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมี 7-8 โครงการที่เตรียมก่อสร้างบริเวณพื้นที่ในเขตภูมิภาค โดยเป็นโครงการที่มีลักษณะให้บริการทางการแพทย์ เช่น ศูนย์วิจัย ห้องตรวจเอ็กซเรย์ ห้องตรวจเลือด ฯลฯ ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายภาครัฐและบุคลากรต่างๆ ได้

“ในส่วนของภาระทางการคลัง ปัจจุบันเราเป็นประเทศที่ใช้จ่ายเรื่องสวัสดิการด้านสุขภาพค่อนข้างสูงมาก สำหรับสัดส่วนงบประมาณที่คลังรองรับเพื่อใช้จ่ายด้านสุขภาพ คิดเป็น 13-14% ของงบประมาณประจำปี หรือ 2.5% ของจีดีพี ถือว่าเราให้สวัสดิการในการรักษาค่อนข้างดี โดยในปี 2562 คลังเตรียมงบประมาณค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ อยู่ที่ 429,000 ล้านบาท คิดเป็น 14.3% ของงบประมาณประจำปี” นายวิสุทธิ์กล่าว

สำหรับความยั่งยืนทางการคลัง มุ่งเน้นดูแลเป้าหมายหลักทั้ง 3 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มข้าราชการและบุคลคลที่เกี่ยวข้อง ประมาณ 4 ล้านราย กลุ่มผู้ทำประกันสังคม ประมาณ 12 ล้านราย และกลุ่มผู้ที่ทำบัตรทอง ประมาณ 48 ล้านราย รวมถึงกลุ่มสัญชาติชายแดนหรือชายขอบ ประมาณ 500,000 ราย ส่งผลให้คลังสามารถดูแลประชาชนด้านสุขภาพและสวัสดิการได้ครอบคลุมถึง 97.5%