
ปัจจัยพื้นฐาน
ราคาทองคำวานนี้ปิดอ่อนตัวลงเล็กน้อยราว 1.23 ดอลลาร์ต่อออนซ์จากแรงขายทำกำไร ขณะที่ดอลลาร์อ่อนค่าลงเนื่องจากนักลงทุนเริ่มชะลอการเข้าซื้อดอลลาร์เพื่อรอความชัดเจนของผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐที่กำลังจะเกิดขึ้นวันที่ 6 พ.ย.ตามเวลาสหรัฐทำให้ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวในกรอบ ทั้งนี้โพลล์ล่าสุดจาก Five Thirty Eight บ่งชี้ว่า มีโอกาส 7 ใน 8 (87.7%) ที่พรรคเดโมแครตจะสามารถครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร(House)ได้ และมีโอกาส 4 ใน 5 (81.1%) ที่พรรครีพับลิกันจะยังคงสามารถครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา(Senate) หากเป็นดังโพลล์จะทำให้การผลักดันนโยบายต่างๆของปธน.ทรัมป์เผชิญกับอุปสรรค ดังนั้นแนวโน้มที่จะมีการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจการคลังเพิ่มเติมจะลดลงและนั่นอาจก่อให้เกิดแรงขายทำกำไรในตลาดหุ้นและดอลลาร์จนหนุนราคาทองคำได้บ้าง ด้านกองทุน SPDR ลดการถือครองทองคำลง -1.77 ตัน สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผย JOLTS Job Openings และการสำรวจความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจจาก IBD/TIPP และติดตามความเคลื่อนไหวการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐอย่างใกล้ชิดเพราะผลการเลือกครั้งและการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ต่างๆขานรับผลการเลือกตั้งยังมีความไม่แน่นอนสูง โดยคาดว่าน่าจะเริ่มรู้ผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการในบางรัฐตั้งแต่ช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย
ปัจจัยทางเทคนิก
ราคาทองคำเกิดแรงขายทำให้ราคาอ่อนตัวลงหลังจากที่ดีดตัวขึ้นมาใกล้ 1,238 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เบื้องต้นยังคงมีแนวต้านระยะสั้นที่ 1,238-1,243 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่สามารถผ่านไปได้ ประเมินว่าจะเกิดแรงขายกดดันมาเข้าใกล้ 1,224-1,211 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีกครั้ง
กลยุทธ์การลงทุน
ราคาทองคำมีจุดเสี่ยงเปิดสถานะขายระยะสั้นในบริเวณ 1,238-1,243 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากยืน 1,243 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้) แต่หากราคาอ่อนตัวลงไปก่อนให้พิจารณาบริเวณ 1,224-1,211 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นจุดเปิดสถานะซื้อ แต่หากหลุดโซนดังกล่าวแนะนำให้ชะลอการเข้าซื้อ และไม่ควรถือสถานะจำนวนมาก