กลุ่มบริษัทเอไอเอ ประกาศงบไตรมาส 3/61 มูลค่าธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้น 17% เป็น 979 ล้านเหรียญสหรัฐ

9 พฤศจิกายน 2561 – กลุ่มบริษัทเอไอเอ จำกัด (“บริษัท”, รหัสตลาดหลักทรัพย์: 1299) ประกาศผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 3 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2561 โดยมีมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เพิ่มขึ้นร้อยละ 17 เป็น 979 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นผลมาจากการเจริญเติบโตในช่องทางตัวแทนและพันธมิตรทางธุรกิจ รวมถึงการเติบโตของกลุ่มลูกค้าในเขตการปกครองและกลุ่มลูกค้าจากประเทศจีนแผ่นดินใหญ่

จุดเด่นผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3 โดยคำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่
• มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 17 เป็น 979 ล้านเหรียญสหรัฐ
• เบี้ยประกันภัยใหม่รับปีแรก (ANP) เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 เป็น 1,582 ล้านเหรียญสหรัฐ
• อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin) เพิ่มขึ้น 2.6 จุด คิดเป็นร้อยละ 61.1
• เบี้ยประกันภัยรับรวม (TWPI) เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 เป็น 7,610 ล้านเหรียญสหรัฐ

มร. อึง เค็ง ฮุย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ กล่าวว่า “เอไอเอมีผลการดำเนินงานในไตรมาสที่3 ที่แข็งแกร่งมาก โดยมีอัตราการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เพิ่มขึ้นร้อยละ 17 เป็น 979 ล้านเหรียญสหรัฐ ผลประกอบการในวันนี้ ตลอดจนการเติบโตอย่างต่อเนื่องที่ผ่านมาของบริษัท เป็นผลโดยตรงจากการที่เอไอเอ ดำเนินธุรกิจโดยยึดมั่นในความเป็นเลิศ บวกกับกลยุทธ์ในการสร้างความเติบโตในการดำเนินธุรกิจของเอไอเอที่มีคุณภาพ

“ความต้องการและความคาดหวังของผู้บริโภคชาวเอเชียมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะความต้องการในเรื่องของสุขภาพและการมีชีวิตที่ดี รวมถึงความมั่นคงทางการเงินที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ฐานะการเงินที่ดีขึ้นของผู้บริโภค ยังส่งผลให้มีความต้องการในผลิตภัณฑ์ด้านความคุ้มครองและการออมเงินระยะยาวที่เพิ่มมากขึ้นในตลาดอีกด้วย

“ทั้งนี้ ช่องทางจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่ง บวกกับผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ และการใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นของเอไอเอ ทำให้เราได้เปรียบในการแข่งขันในตลาด โดยสามารถตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วของลูกค้าได้อย่างยอดเยี่ยม ในขณะเดียวกัน คำมั่นสัญญาของเราที่มุ่งช่วยให้ผู้คนหลายล้านคนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น เป็นรากฐานอันแข็งแกร่งที่จะทำให้เราสามารถพัฒนาความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นในระยะยาวกับลูกค้า รวมทั้งสร้างความแตกต่างในตลาดให้กับเอไอเอ ผมมั่นใจว่าทีมงานของเรายังคงมุ่งให้ความสำคัญกับการสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจอย่างมีคุณภาพ ตลอดจนมอบผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้นของเราในระยะยาว”

สรุปผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3

เอไอเอ ฮ่องกง มีอัตราการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ที่แข็งแกร่ง เป็นตัวเลข 2 หลัก ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2561 ซึ่งเป็นผลมาจากการเจริญเติบโตในช่องทางตัวแทนและพันธมิตรทางธุรกิจ รวมถึงการเติบโตของกลุ่มลูกค้าในเขตการปกครองและกลุ่มลูกค้าจากประเทศจีนแผ่นดินใหญ่

การดำเนินงานธุรกิจของเอไอเอในประเทศจีนมีอัตราการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ที่แข็งแกร่ง เป็นตัวเลข 2 หลัก ในไตรมาสที่ 3 ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มจำนวนของตัวแทนที่มีผลงานอย่างต่อเนื่อง ความมุ่งมั่นของเราที่จะใช้ กลยุทธ์ Premier Agency ในการพัฒนาศักยภาพตัวแทน และการให้คำปรึกษาที่ตรงตามความต้องการของลูกค้า รวมถึงการให้บริการที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้า ส่งผลให้เอไอเอมีควาแตกต่างจากแบรนด์อื่นในประเทศจีน

ธุรกิจของเราในประเทศไทย มีอัตราการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เป็นตัวเลข 2 หลัก ในไตรมาสที่ 3 ซึ่งเป็นผลมาจากผลผลิตของตัวแทนที่เพิ่มมากขึ้น จากการปฎิรูปโครงสร้างตัวแทนที่ทำมาอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันอัตราการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin) ในประเทศมาเลเซีย ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่

แล้ว แม้ว่าเราจะเห็นการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของอัตราการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ในไตรมาสที่ 3 นี้ เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 2 ของปี 2561

ในประเทศสิงคโปร์ ถึงแม้ว่าจะมีอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันภัยใหม่รับปีแรก (ANP) ที่แข็งแกร่ง แต่มีอัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากยอดขายผลิตภัณฑ์ยูนิต ลิงค์ (Unit Linked) ประเภทจ่ายเบี้ยครั้งเดียวที่มีจำนวนมาก ในขณะที่จำนวนตัวแทนที่มีผลงานอย่างต่อเนื่องของเราเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก และการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับซิตี้แบงก์ทำให้ธุรกิจของเรามีอัตราการเติบโตในไตรมาสที่ 3 ที่แข็งแกร่ง

ตลาดอื่นๆ ยังคงมีอัตราการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ที่แข็งแกร่ง เป็นตัวเลข 2 หลัก โดยประเทศออสเตรเลีย เกาหลีใต้ ฟิลิปินส์ และไต้หวัน มีส่วนสำคัญต่อการเติบโตนี้

เบี้ยประกันภัยใหม่รับปีแรก (ANP) เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 3 ของปี 2560 เป็น 1,582 ล้านเหรียญสหรัฐ อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin) เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 61.1 เมื่อเปรียบเทียบกับร้อยละ 58.4 ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2560 ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ช่องทางการขาย และการเปลี่ยนแปลงในด้านอื่น ๆ ที่เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น อัตรากำไรของมูลค่าปัจจุบันของเบี้ยประกันภัยธุรกิจใหม่ (PVNBP) เติบโตคงที่อยู่ที่ร้อยละ 10 ในขณะเดียวกันสมมติฐานเชิงเศรษฐกิจระยะยาวยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากที่เคยแสดงไว้ในรายงานประจำปี 2560 รวมทั้งวิธีการที่เราใช้ในการรายงานผลการดำเนินงานธุรกิจใหม่ประจำไตรมาสยังคงเหมือนเดิม เบี้ยประกันภัยรับรวม (TWPI) เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 เป็น 7,610 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 3 ของปี 2560 ทั้งนี้เพราะเรายังคงสร้างธุรกิจใหม่ๆ เพิ่มในพอร์ตโฟลิโอขนาดใหญ่ในปัจจุบันของเรา

มุมมองด้านเศรษฐกิจ

เศรษฐกิจมหภาคในภูมิภาคเอเชียยังคงมีแรงต้านต่อความผันผวนทางการเงินในตลาด ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและทางธุรกิจที่ลดน้อยลง ในขณะที่ แรงผลักดันที่แข็งแกร่งในการเติบโตของเศรษฐกิจในภูมิภาค และแนวโน้มหลักทางประชากรศาสตร์ ส่งผลในเชิงบวกต่อการดำเนินธุรกิจในระยะยาวของเอไอเอในภูมิภาคเอเชีย แม้ว่าเรายังต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจมหภาคและภูมิศาสตร์การเมืองในระดับโลก แต่เรายังคงให้ความสำคัญกับการดำเนินกลยุทธ์เพื่อสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ และเรามั่นใจว่าจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นของเราได้อย่างยั่งยืน

ความผันผวนด้านอัตราแลกเปลี่ยน

เอไอเอได้รับเบี้ยประกันภัยส่วนใหญ่เป็นเงินสกุลท้องถิ่น และเราเทียบอัตราสินทรัพย์กับหนี้สินอย่างรอบคอบ เพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ทั้งนี้ ในรายงานงบการเงินรวมของกลุ่มบริษัทเอไอเอ ที่มีการแปลงเป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ทำให้เกิดผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน ดังนั้น เราจึงมีการเปรียบเทียบอัตราการเติบโตจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ เว้นแต่ระบุเป็นอย่างอื่น เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนของผลการดำเนินธุรกิจในช่วงเวลาเดียวกันของแต่ละปี