TTA โชว์ไตรมาส 3/2561 กำไรรวม 148 ล้านบาท ชี้กำไรหลักมาจากกลุ่มธุรกิจชิปปิ่งกลับมาโตนำ

TTA โชว์ไตรมาส 3/2561 กำไรรวม 148 ล้านบาท ชี้กำไรหลักมาจากกลุ่มธุรกิจชิปปิ่งกลับมาโตนำ อานิสงส์ค่าระวางเรือเทกองดีขึ้น

หุ้น TTA เผยไตรมาส 3/61 โชว์กำไรสุทธิรวม 148.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 202 %จากช่วงเดียวกันปีก่อน รายได้รวม 3.5 พันล้านบาท โต 14% แรงส่งจากกลุ่มธุรกิจเดินเรือ อานิสงส์ค่าระวางเรือเทกองดีขึ้น ตามด้วยกลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง ส่วนกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 944.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25 %

นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA เปิดเผยว่า ผลดำเนินงานของกลุ่ม TTA งวดไตรมาส 3/2561 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 148.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 202 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และร้อยละ 57 จากไตรมาสก่อน โดยรายได้รวม อยู่ที่ 3,544.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และร้อยละ 5 จากไตรมาสก่อน ซึ่งรายได้หลักมาจากกลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือร้อยละ 37 กลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง ร้อยละ 27 กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร ร้อยละ 20 และกลุ่มการลงทุน ร้อยละ 16 ตามลำดับ ในขณะที่มีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 944.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น ร้อยละ 25 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และร้อยละ 25 จากไตรมาสก่อน

โดยในส่วนที่เป็นกลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือหรือชิปปิ้ง นายเฉลิมชัย กล่าว่า ไตรมาส 3/2561มีกำไรสุทธิ จำนวน 242.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 226 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งได้รับผลบวกจากการขยายตัวได้ดีตามทิศทางอุตสาหกรรมขนส่งสินค้าแห้งเทกอง และยังมีมีปัจจัยหนุนการปรับตัวขึ้นของดัชนีบอลติค (BDI) ขึ้นมาอยู่ที่ค่าเฉลี่ย 1,607 จุด ในไตรมาสที่ 3/2561 จากต้นปี 2560 953 จุด นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือของ TTA ยังมีอัตราค่าระวางเรือเฉลี่ยอยู่ที่ 11,529 เหรียญสหรัฐต่อวัน ซึ่งสูงกว่าอัตราตลาดของค่าระวางเรือเฉลี่ยสุทธิของเรือซุปปราแมกซ์ (Net Mkt TC Avg BSI) ที่ 10,982 เหรียญสหรัฐต่อวัน

ในด้านรายได้ค่าระวางของกลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือในไตรมาสที่ 3/2561 อยู่ที่ 1,319.7 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 47 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เป็น 399.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 87 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และกลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือมีผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA 242.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 226 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

นายเฉลิมชัย กล่าวถึงส่วนของกลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่งในไตรมาสที่ 3/2561 ว่า รายได้อยู่ที่ 970.0 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 41 จากไตรมาสก่อน เนื่องมาจากอัตราการใช้ประโยชน์เรือที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นร้อยละ 74 ในไตรมาสที่ 3/2561 เมื่อเทียบกับร้อยละ 34 ในไตรมาสที่ 3/2560 สำหรับรายได้ที่เพิ่มขึ้นและอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวดีขึ้นส่งผลให้ EBITDA ในไตรมาสที่ 3/2561 ปรับกลับมาเป็นบวกที่ 81.1 ล้านบาท จากที่ติดลบ 76.2 ล้านบาท ในไตรมาส 2/2561 ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารคงที่เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้วและช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่ 181.2 ล้านบาท

สำหรับธุรกิจขุดเจาะ เรือขุดเจาะ jack-up drilling rigs สเปคสูง จำนวน 3 ลำ ดำเนินงานภายใต้บริษัทร่วมแห่งหนึ่ง มีอัตราการใช้ประโยชน์ของเรือสูงถึงร้อยละ 100 ในไตรมาสที่ 3/2561 และ เรือทั้ง 3 ลำ มีสัญญาทำงานในตะวันออกกลางจนถึงปี 2562

ทั้งนี้ ในไตรมาสที่ 3/2561 กลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่งรายงานผลขาดทุนสุทธิ** จำนวน 61.4 ล้านบาท และผลขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA จำนวน 36.0 ล้านบาท ขาดทุนลดลงร้อยละ 9 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และร้อยละ 75 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน มูลค่าสัญญาให้บริการที่รอส่งมอบ ณ สิ้นไตรมาสที่ 3/2561 เท่ากับ 129 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีแผนจะเริ่มทำงานตั้งแต่ไตรมาสที่ 4/2561 ถึงสิ้นปี 2562

ส่วนเรื่องของราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ยที่ 55 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ในปี 2560 เป็นค่าเฉลี่ยที่ 76 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ในไตรมาสที่ 3/2561 นั้น มองว่าภาพรวมราคาน้ำมันในอนาคตยังคงมีความผันผวน แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีมูลค่าสัญญาให้บริการที่รอส่งมอบ ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 /2561 สูงถึง 129 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีโอกาสเข้าประมูลกิจกรรมทางวิศวกรรมใต้ทะเลที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในแถบตะวันออกกลาง

นายเฉลิมชัย กล่าวถึง ผลดำเนินงานของ บริษัท พีเอ็ม โทรีเซน เอเชีย โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PMTA ว่า มีปริมาณการขายปุ๋ยในไตรมาสที่ 3/2561 คงที่เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว อยู่ที่ 44.5 พันตัน ซึ่งร้อยละ 68 จะเป็นปริมาณการขายปุ๋ยในประเทศ มากไปกว่านั้น ภาพรวมใน 9 เดือนแรกของปี 2561 ปริมาณขายปุ๋ยทั้งหมดเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว เป็น 144.8 พันตัน ส่วนธุรกิจพื้นที่โรงงานให้เช่ายังคงดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพในไตรมาสที่ 3/2561

อย่างไรก็ตาม ใน 9 เดือนแรกของปี 2561 ปริมาณขายปุ๋ยทั้งหมดเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว เป็น 144.8 พันตัน โดยตลาดส่งออกเติบโตร้อยละ 15 เนื่องจากตลาดฟิลิปปินส์กลับมาฟื้นตัว

“ในปีนี้ เกษตรกรในประเทศเวียดนามได้รับผลกระทบจากราคาพืชผลทางการเกษตรที่สำคัญตกต่ำ จึงหันมาให้ใช้มาตรการลดค่าใช้จ่ายมากกว่าการเพิ่มผลผลิต ทำให้ความต้องการใช้ปุ๋ยเชิงเดี่ยว (Single Fertilizer) เพิ่มมากขึ้น”นายเฉลิมชัยกล่าว

นอกจากธุรกิจปุ๋ยเคมีแล้ว กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตรยังมีพื้นที่โรงงานให้เช่า ในไตรมาสที่ 3/2561 พื้นที่บางส่วนถูกนำมาใช้จัดเก็บวัตถุดิบในการผลิตปุ๋ย ส่วนพื้นที่ส่วนที่เหลือถูกนำมาให้เช่าเต็มทั้งหมด รายได้จากการให้เช่าพื้นที่โรงงานและรายได้อื่นเท่ากับ 17.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยภาพรวม กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร มีกำไรสุทธิก่อนผล กำไร/(ขาดทุน) จากอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 4.5 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 3/2561

สำหรับกลุ่มการลงทุนอื่น จะมุ่งเน้นที่ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และโลจิสติกส์ ณ วันที่ 30 กันยายน 2561 ได้แก่ “พิซซ่า ฮัท” มีสาขาทั้งหมด 126 สาขา ทั่วประเทศ ส่วนบริษัท สยามทาโก้ จำกัด (“STC”) มีแผนจะเปิดสาขาแรกในเดือนธันวาคม ปี 2561 สำหรับธุรกิจการบริหารทรัพยากรน้ำ TTA ได้เข้าซื้อหุ้นร้อยละ 80.5 ของบริษัท เอเชีย อินฟราสตรักเชอร์ แมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (“AIM”) เพื่อส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือในธุรกิจการบริหารทรัพยากรน้ำที่มีอยู่เดิม

นายเฉลิมชัย กล่าวว่า TTA ยังคงรักษาความแข็งแกร่งของฐานะการเงินที่มั่นคง ณ สิ้นกันยายน 2560 เงินสดภายใต้การบริหารอยู่ในระดับสูงถึง 5,142.9 ล้านบาทและมีโครงสร้างเงินทุนที่แข็งแกร่ง สะท้อนจากอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (net IBD/E) ระดับต่ำที่ 0.13 เท่า

“TTA จะรักษาแนวโน้มเชิงบวกไว้ และคาดว่ารายได้จากกลุ่มธุรกิจหลักจะเติบโตขึ้นอีก ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2561 ส่วนแนวโน้มของกลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือในปี 2562 นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าอุปสงค์และอุปทานน่าจะมีความสมดุลเช่นกัน ถึงแม้ว่าจะมีความเสี่ยงอยู่บ้างก็ตาม” นายเฉลิมชัยกล่าว