ก.ล.ต.เปิดรับฟังความเห็นลดข้อจำกัดเกณฑ์ลงทุนทางอ้อมของ REIT

ก.ล.ต.เปิดรับฟังความคิดเห็นการปรับปรุงร่างประกาศการลงทุนของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) เพื่อลดข้อจำกัดการลงทุนทางอ้อมของ REIT และส่งเสริมให้ REIT สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้

สืบเนื่องจากที่ ก.ล.ต.ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นในขั้นหลักการในช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยผู้ที่เกี่ยวข้องส่วนใหญ่เห็นด้วยกับหลักการที่ ก.ล.ต.เสนอที่จะลดข้อจำกัดการลงทุนทางอ้อมในอสังหาริมทรัพย์ของ REIT เพื่อให้ REIT ที่จัดตั้งขึ้นในไทยสามารถแข่งขันกับ REIT ของต่างประเทศได้ โดยยังคงมีกลไกในการคุ้มครองสิทธิและรักษาประโยชน์ผู้ลงทุน ซึ่ง ก.ล.ต.ได้นำความเห็นและข้อเสนอแนะมาปรับปรุงร่างประกาศในครั้งนี้ให้มีความยืดหยุ่นแก่ผู้ประกอบธุรกิจในการนำไปปฏิบัติได้จริง

สำหรับเกณฑ์ปัจจุบันกำหนดว่า หาก REIT จะลงทุนทางอ้อมในอสังหาริมทรัพย์ผ่านการถือหุ้นในบริษัทอื่น REIT จะต้องถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 99 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดและของจำนวนสิทธิออกเสียงทั้งหมดของบริษัทนั้น เพื่อให้ REIT สามารถควบคุมดูแลให้บริษัทย่อยปฏิบัติเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้เช่นเดียวกับกรณีลงทุนโดยตรง อย่างไรก็ดี เกณฑ์ดังกล่าวทำให้ REIT มีข้อจำกัดในการลงทุน อาทิ มีข้อจำกัดทางกฎหมายในการถือหุ้นบริษัทต่างประเทศ หรือบริษัทที่เป็นเจ้าของทรัพย์สินมีข้อผูกพันที่ทำให้ REIT ไม่สามารถเข้าไปลงทุนตามสัดส่วนที่กำหนดได้

ก.ล.ต.จึงมีแนวคิดปรับปรุงร่างประกาศเพื่อลดข้อจำกัดในการลงทุน โดยมีสาระสำคัญของการเสนอปรับปรุงเพิ่มเติม ดังนี้

– กรณีที่มีเหตุให้ REIT ไม่สามารถลงทุนทางอ้อมในสัดส่วนร้อยละ 99 ได้ ให้ REIT สามารถลงทุนทางอ้อมในทรัพย์สินที่เจ้าของทรัพย์สินไม่มีความเกี่ยวข้องกับผู้จัดการกองทรัสต์ ในสัดส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 และต้องไม่น้อยกว่าจำนวนสิทธิออกเสียงที่กฎหมายของประเทศที่บริษัทนั้นจัดตั้งขึ้นได้กำหนดไว้สำหรับการผ่านมติที่มีนัยสำคัญ

– กรณีมีข้อจำกัดตามกฎหมายอื่น ให้ REIT สามารถลงทุนได้โดยถือหุ้นไม่น้อยกว่าจำนวนขั้นสูงที่สามารถถือได้ตามกฎหมายดังกล่าว ซึ่งต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของจำนวนสิทธิออกเสียงทั้งหมดของบริษัทนั้น


– REIT สามารถให้เงินกู้ยืมหรือค้ำประกันแก่บริษัทที่ REIT เข้าลงทุนเกินกว่าสัดส่วนการถือหุ้นได้ โดยต้องได้รับความเห็นชอบจากทรัสตี และต้องผ่านมติที่ประชุมผู้ถือหน่วยทรัสต์