“สมคิด” เร่งรัฐวิสาหกิจเบิกจ่าย 2 เดือนสุดท้าย ตั้งเป้าแสนล้าน ดันจีดีพีโตกว่า 4%

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ว่าในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี 2561 (พ.ย- ธ.ค.2561) สั่งกำชับให้รัฐวิสาหกิจเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ รวมถึงการลงทุนในด้านต่างๆ ตามที่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนให้สิทธิประโยชน์จะต้องเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ คาดว่าตัวเลขเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวได้ 4% ถ้าการลงทุนเป็นไปตามเป้าหมายและการท่องเที่ยวที่ค่อยๆ ฟื้นตัว รวมถึงในช่วง 2 เดือนสุดท้าย หากการส่งออกสามารถขยายตัวได้ถึง 7% ต่อเดือน จะเป็นส่วนที่สนับสนุนให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยเป็นไปตามคาด

“ในกรณีที่งบลงทุนของรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่มีโครงการที่น่าลงทุนหรือน่าสนใจ ก็ให้คิดล่วงหน้า เช่น บริษัทไปรษณีย์ไทย ซึ่งมีศักยภาพสูงมาก ก็ควรหามาตรการมารองรับการขยายตัวของตลาดอีคอมเมิร์ช เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดและสามารถแข่งขันได้ โดยเฉพาะตลาด CLMV ที่มีกำลังเติบโต ซึ่งจะทำให้ไทยมีรายได้เพิ่มขึ้น” นายสมคิดกล่าว

สำหรับมาตรการผู้มีรายได้น้อยที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเมื่อวานนี้ (20 พ.ย.) ทางกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณได้มีการพิจารณาและเตรียมการอย่างรอบคอบ โดยมาตรการดังกล่าวมาจากงบประมาณของกองทุนประชารัฐฯ นอกจากนี้ยังมีมาตรการอื่นๆ ที่ออกมาเพื่อช่วยเหลือกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการ

นายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กล่าวว่า รองนายกฯ ได้สั่งการให้รัฐวิสาหกิจเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยเฉพาะไตรมาสที่ 4 ของปี 2561 ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจปี 2561 ให้ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถแข่งขันของประเทศ

สำหรับการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนในครั้งนี้ ประกอบด้วย 1.ให้รัฐวิสาหกิจปีปฏิทินเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนในไตรมาสที่ 4 ปีปฏิทิน 2561 (ต.ค. – ธ.ค. 2561) และสำหรับรัฐวิสาหกิจปีงบประมาณให้เร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนที่ไม่เป็นไปตามแผนในปี 2561 ที่จะต้องมาผูกพันมาเบิกจ่ายในปี 2562 2.ให้ปรับปรุงแผนและประมาณการเบิกจ่ายงบลงทุนให้สะท้อนกับความสามารถในการเบิกจ่ายได้ตามจริง โดยให้คำนึงถึงการเบิกจ่ายที่เป็น Front-Loaded มากขึ้น 3.ให้เร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนให้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 เพื่อให้สอดคล้องกับตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2561 4.ให้คณะกรรมการรัฐวิสาหกิจกำกับดูแลการเบิกจ่ายงบลงทุนให้เป็นไปตามเป้าหมาย และพิจารณากำหนดตัวชี้วัดและค่าเป้าหมายของการเบิกจ่ายงบลงทุนในการประเมินผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจ

นายชาญวิทย์ นาคบุรี รองผู้อำนวยการ สคร. กล่าวว่า สำหรับกรอบการลงทุนของรัฐวิสาหกิจในปี 2561 ที่ สคร. กำกับดูแล 45 แห่ง มีจำนวน 445,191 ล้านบาท โดยผลการเบิกจ่ายลงทุนสะสมถึงเดือนตุลาคม 2561 เท่ากับ 339,279 ล้านบาท หรือคิดเป็น 85% ของแผนการเบิกจ่ายลงทุนสะสม

“ในช่วง 2 เดือนสุดท้าย (พ.ย.- ธ.ค.2561) เราต้องเร่งรัดเบิกจ่ายงบลงทุนให้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ จำนวน 100,000 ล้านบาท โดยแบ่งวงเงินเบิกจ่ายงบลงทุนออกเป็น 2 รอบ รอบละ 50,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้แผนเบิกจ่ายงบลงทุน คิดเป็น 89% ของแผนเบิกจ่ายสะสม” นายชาญวิทย์กล่าว

นอกจากนี้ในปี 2562 รัฐวิสาหกิจที่ สคร. กำกับดูแล 45 แห่ง มีกรอบการลงทุนจำนวน 391,866 ล้านบาท มาจากรัฐวิสาหกิจที่มีงบลงทุนขนาดใหญ่ ได้แก่ การรถไฟแห่งประเทศไทย การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)