
วิเคราะห์ตลาดและแนวโน้ม
Sideways
- จับตาธุรกิจเลิกจ้าง ปิดกิจการ ส่งออกสะดุด-บริษัทยักษ์ย้ายฐาน
- เปิดลงทะเบียนแก้หนี้ 1 ธ.ค.นี้ เครดิตบูโรห่วงกู้ซื้อ “รถ-บ้าน” ค้างจ่ายพุ่ง
- เช็กเงื่อนไขกู้ “ออมสิน” ปลดหนี้นอกระบบ คุณสมบัติผู้กู้ต้องมีอะไรบ้าง ?
เมื่อวาน กลุ่มแบงก์ และพลังงาน ขึ้นหนุนดัชนีฯ ซึ่งดีกว่าที่เราคาด วันนี้คาด Sideways กรอบ 1,560-1,570 จุด ปัจจัยที่มีผล (-) แบงก์ชาติจับตาเงินไหลเข้าออก หลังพบธุรกรรมเงินตราต่างประเทศหนาแน่นผิดปกติในบางช่วง เล็งออกมาตรการสกัดหากพบว่าเป็นการเก็งกำไร, (+) เมื่อวาน ธปท.รายงาน GDP 2Q ไทย เติบโตสูงกว่าตลาดคาด พร้อมทั้งปรับเป้า GDP ขึ้นเป็นกรอบบน 4%
กลุ่ม Outperform วันนี้คาด กลุ่มแบงก์ (BBL KBANK SCB มีปันผลระหว่างกาล…ทั้งนี้ช่วงปลายเดือน ส.ค.-ก.ย. กลุ่มแบงก์มีโอกาสขึ้นรับประกาศปันผลระหว่างกาล หลังแจ้งงบสอบทาน) พลังงาน PTT (XD 8 บ. 31 ส.ค.) PTTEP (รีบาวด์ตามน้ำมัน) โรงแรม (CENTEL MINT ย่อรับเล่นตามฤดูกาล) รับเหมา (STEC CK 31 สค.ประมูลรถไฟทางคู่ ประจวบ-ชุมพร)
แนวโน้มสัปดาห์นี้ คาด “เด้งสลับย่อ กรอบเดิม 1,555-1,580” โดยกลุ่มหุ้นตัวกลางเล็ก คาดจะวนกลับมาเล่น-Outperform (1) เน้นไปที่หุ้นเล็กที่ประกาศงบไม่ตรงกับปีปฏิทิน เช่น PICO TAPAC (คาดประกาศงบ 3Q ต้นเดือน ก.ย.) คาดกำไรเติบโตโดดเด่น (2) หุ้นส่งออก ท่องเที่ยว GFPT CCET DELTA CENTEL AOT เป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากบาทอ่อน จากคาดตลาดหุ้นสหรัฐฯมีโอกาสถูกขายล็อกกำไร…ส่งผลดอลล์สหรัฐฯ แข็งค่าจาก Flows ไหลเข้าพักในตลาดเงิน-Money market จากเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
หุ้นแนะนำวันนี้
BBL แนวรับ 180/179 บ. ต้าน 184 บ. Stop loss 176 บ. คาดสัปดาห์หน้าจะประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 2 บาท เท่ากับปีที่แล้ว (ครึ่งหลังจะจ่ายมากกว่าครึ่งแรกคาด 2H17 อีกประมาณ 4.5 บ. คิดเป็นผลตอบแทนประมาณ 3.6% ต่อปี)
STEC CK เล่นดักก่อนการประมูล 31 ส.ค. นี้
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
(+) ธปท. ระบุ GDP Q2/60 ขยายตัวสูงกว่าคาด หลังการบริโภค-ลงทุนเอกชนดีกว่าที่ประเมินไว้ธปท. เปิดเผยว่า ตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาสที่ 2 ปี 2560 ขยายตัว 3.7% เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน หรือ 1.3 % จากไตรมาสก่อน สูงกว่าที่ ธปท.ประเมินไว้ โดยแรงขับเคลื่อนหลักมาจากการส่งออกสินค้าและบริการที่ขยายตัวเร่งขึ้น สอดคล้องกับเศรษฐกิจโลกที่ปรับดีขึ้น และการใช้จ่ายภาคเอกชนทั้งการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนที่ขยายตัวดีกว่าที่ ธปท. ประเมินไว้ในระยะต่อไป คาดว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ควรติดตาม ได้แก่ ความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจและการค้าของสหรัฐฯ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์โลกที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจคู่ค้า และความต่อเนื่องของการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐคาดหุ้นบูลชิพใหญ่ขึ้นรับข่าว เศรษฐกิจไทยขยายตัวดีกว่าคาด หลัง ธปท.สรุปรายงาน GDP 2Q17 +3.7% ดีกว่าคาดที่ 3.2% (จาก 3.3%) พร้อมทั้งปรับเป้า GDP ปีนี้ขึ้นเป็น 3.5-4% จาก 3.3-3.8%
(*) คาดกรณีคำตัดสินคดีจำนำข้าว 25 ส.ค.นี้ จะไม่มีผลต่อตลาดหุ้นไทย เช่นเดียวกับคดียุบพรรคการเมือง รวมถึงคดีการเมืองอื่นๆในอดีต ยกตัวอย่างเช่น คดียุบพรรคพลังประชาชน เมื่อ 2 ธ.ค.2008 หุ้นไทยกลับตัว ขึ้นจาก 387 จุด เป็น 392 จุดในวันถัดมา และบวกต่อ 23% (m-m) หลังคำตัดสิน 1 เดือน
(*) Jackson Hole meeting คาดประธานเฟดจะแสดงความเห็น
(1) การผ่อนปรนกฎหมายควบคุมสถาบันการเงินขนาดเล็ก
(2) หากมีการแสดงมุมมองกังวลต่อภาวะเงินเฟ้อและความเสี่ยงที่ควบคุมไม่ได้ จะเป็นการส่งสัญญาณ การขึ้นดอกเบี้ย ในเดือน ธ.ค.นี้ ซึ่งหากไม่พูดถึง ตลาดอาจตีความตรงข้าม คือไม่ขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค.
(3) ก่อนจะหมดวาระในเดือน ก.พ. 2018 คาดการประชุมครั้งนี้จะไม่แสดงจุดยืนนโยบายในปีหน้า ซึ่ง ต้องรอดู ผู้ถูกเสนอชื่อ ว่าที่ประธานเฟดคนใหม่ของ “ทรัมป์” ซึ่งตลาดยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อว่าที่ประธานเฟดคนใหม่จาก “สายการเงินและธนาคารภาคเอกชน”
(0) การซ้อมรบระหว่างเกาหลีใต้ และสหรัฐฯ รอบใหม่เริ่มขึ้นตามกำหนดการเดิมวานนี้ ตลาดวิตกเกาหลี
เหนืออ้างเป็นเหตุจุดชนวนความตึงเครียดปะทุรอบใหม่