ราคาพืชต่ำ-นักท่องเที่ยวหาย ฉุดดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคพ.ย.ตกต่อเดือนที่ 3

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนพฤศจิกายน 2561 ว่า ดัชนีทุกรายการปรับลดลงและลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 โดยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยรวม อยู่ที่ 80.5 ลดลงจากเดือนตุลาคม อยู่ที่ 81.3 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในปัจจุบัน ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในอนาคต ลดลงจาก 55.6 และ 92.6 อยู่ 54.3 และ 92 ตามลำดับ รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม ลดลงมาอยู่ที่ 67.5 จาก 68.4 ปัจจัยเพราะผู้บริโภคมีความกังวลเรื่องราคาพืชผลทางการเกษตรส่วนใหญ่ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ โดยเฉพาะยางพาราและปาล์มน้ำมัน ส่งผลให้ต่อรายได้ของเกษตรกรทรงตัวต่ำ กระทบการขยายตัวของกำลังซื้อทั่วไปในต่างจังหวัด รวมถึงนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาเที่ยวไทยน้อยกว่าปกติ กระทบต่อรายได้ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และความกังวลสถานการณ์สงครามการค้าสหรัฐ-จีน

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า ขณะที่ปัจจัยบวก คือ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ 4 ต่อ 3 เสียง คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% ต่อปี การส่งออกเดือนตุลาคม2561 ปรับตัวดีขึ้นและขยาย 8.70 % และ10 เดือนส่งออกยังเป็นบวก 8.2% รวมถึงราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศต่ำกว่า 30 บาทต่อลิตรทำให้ความเชื่อมั่นดีขึ้นบ้างแต่เทียบกับค่าครองชีพยังสูงและกำลังซื้อไม่ฟื้นมากนัก ทำให้ประชาชนจึงระมัดระวังการใช้จ่ายอยู่มาก รวมถึงมองแนวโน้มปีหน้ายังมีเสี่ยงเรื่องทางออกสงครามการค้าและราคาน้ำมัน

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า จากปัจจัยลบยังสูง ทำให้ดัชนีความเหมาะสมซื้อรถยนต์ใหม่ บ้านใหม่ และลงทุนทำธุรกิจเอสเอ็มอี ยังลดลง มีเพียงดัชนีความเหมาะสมในการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยว ตัวดีขึ้นในรอบ 3 เดือน โดยคาดการณ์ว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธันวาคม 2561 จะดีขึ้น และเศรษฐกิจไตรมาส 4 จะขยายตัวได้ 3.5-4% และทั้งปี 2561 ขยายตัว 4.2% และปี 2562 ขยายตัว 4-4.5% ผลจากขณะนี้เริ่มมีปัจจัยบวกเพิ่มมากขึ้น อาทิ การที่รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยการยกเว้นค่าธรรมเนียม Visa on Arrival (ฟรีวีซ่า) สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนพักรบเป็นเวลา 90 วัน ราคาสินค้าเกษตรหลายรายการดีขึ้น ช่วงสิ้นปีมีการเฉลิมฉลองปีใหม่


” รวมถึงรัฐบาลออกมาตรการช้อปช่วยชาติกระตุ้นเศรษฐกิจ และมาตรการของขวัญปีใหม่ต่างๆ จะช่วยกระตุ้นการจับจ่ายของประชาชนเพิ่มมากขึ้นได้ ภาคการท่องเที่ยวชาวจีนเริ่มฟื้นตัวกลับมาเที่ยวไทยมากขึ้น ส่วนที่ต้องติดตาม คือ ผลการประชุมของกลุ่มโอเปก ที่จะมีผลต่อราคาน้ำมันตลาดโลก และปัญหาสงครามการค้าอาจจะยืดเยื้อต่อไปอีก” นายธนวรรธน์ กล่าว